วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2553

Mr. Chatngeon Srisaroch Age 21
Nickname Pong
Nationality Thai
Brithday 25 July 1989
Address 26/586 Soi Ekkachai 69/1
EkkachaiRoad, BangBon Bangkok Postal code 10150
Religion Buddhism
Height 178 cm
Weight 95 kg
Marital Status Single
Military Service Exempted
Bachelor Major Computer Business, Business Administration, Faculty of Management, Bansomdejchaopraya Rajaphat University
Phone 085-1599310
@pongche_39@hotmail.com

วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2553

LG สร้างตลาดมือถือฝาพับ โชว์น่ารักใน“กวน มึน โฮ”



LG เดินหน้าทำตลาดมือถือฟาพับต่อเนื่อง ตั้งเป้าเบอร์ 1 ในตลาดมือถือฝาพับที่ส่วนแบ่ง 40% ชูกลยุทธ์มูฟวีมาร์เก็ตติงรายแรกในไทย ส่งมือถือ “LG LED Series” โชว์ความน่ารักสดใสใน “กวน มึน โฮ” ภาพยนตร์รักสไตล์กวนๆ เรื่องล่าสุดจากค่ายจีทีเอช
นายณัฐวัชร์ ศิริวงศ์ศาล (คนซ้าย) ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือ บริษัท แอลจี อิเลกทรอนิคส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า LG ประสบความสำเร็จในการทำตลาดโทรศัพท์มือถือฝาพับอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา เห็นได้จากส่วนแบ่งของ LG ในตลาดโทรศัพท์ฝาพับที่ 35% ในปัจจุบัน และตั้งเป้าจะเพิ่มเป็น 40% ในสิ้นปีนี้ ซึ่งหมายถึงการขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในตลาดโทรศัพท์ฝาพับ ขณะที่ GFK เปิดเผยยอดเติบโตของตลาดโทรศัพท์ฝาพับเพิ่มขึ้นถึง 100 % โดยโทรศัพท์ฝาพับมีส่วนแบ่งในตลาดรวมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 10% จากก่อนหน้านี้อยู่ที่ประมาณ 6 %ของตลาดรวมโทรศัพท์ทุกประเภท
LG คาดว่าจะผลักดันยอดขายโทรศัพท์แบบฝาพับให้เติบโตได้อีกเพราะมั่นใจว่าสามารถวางตำแหน่งของ LG ได้ตรงจุดว่าเป็นสินค้าที่ตอบสนองความต้องการกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งไม่ชอบอะไรที่จำเจ ซ้ำซาก รวมทั้ง กิจกรรมการตลาดถือเป็นเรื่องสำคัญต้องทำอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดค่าย จีทีเอช เลือกโทรศัพท์มือถือ LG มาใช้ประกอบในภาพยนตร์เรื่อง “กวน มึน โฮ” โดยเห็นถึงจุดเด่นของ LG LED Series ที่มีสีสันสดใสในสไตล์เคป๊อบ ซึ่งสอดคล้องกับเนื้อหาของภาพยนตร์ ที่เป็นเรื่องราวการเดินทางของคนแปลกหน้าสองคนซึ่งบังเอิญมาพบกันที่ประเทศเกาหลี โดยมีคอนเซปต์หลักของเรื่องคือความเป็น ‘โฮแมนติก กวนมิดี้’ ที่มีทั้งรสชาติความสนุกสนาน และความซาบซึ้งกินใจ จึงได้ติดต่อมาทาง LG เพื่อนำมือถือรุ่นดังกล่าวไปใช้ประกอบในภาพยนตร์
สำหรับมือถือ LG LED Series ที่ใช้ประกอบในภาพยนตร์เรื่องนี้คือ LG GD580 Lollipop ซึ่งใช้เป็นมือถือของนางเอก และ LG GD350 Toffee ที่ใช้เป็นมือถือของพระเอก รวมทั้งการนำเสนอฟีเจอร์เด่นๆ ของ LG Lollipop ในอีกหลายๆ ฉาก เช่น การใช้กล้องหน้าของมือถือทำวิดีโอคอลแบบ 3G และการใช้ฟังก์ชันสร้างสรรค์ภาพกราฟิกบนจอ LED เพื่อสื่อสารแทนคำพูด
“ LG ให้ความสำคัญกับมือถือฝาพับที่เน้นเจาะกลุ่มวัยรุ่น ทำให้ทางจีทีเอชนึกถึง LG เป็นอันดับแรก การนำเสนอ LG LED Series ในภาพยนตร์เรื่องกวน มึน โฮ จะช่วยให้ผู้บริโภคจะได้สัมผัสกับมือถือ LG ในรูปแบบของภาพยนตร์ ซึ่งนับเป็นมูฟวีมาร์เก็ตติงที่ยังไม่มีผู้ผลิตมือถือรายใดเคยทำมาก่อนในประเทศไทย”
นอกจากนี้ LG ยังได้เตรียมกิจกรรมสื่อสารการตลาดในรูปแบบของ อินเทอร์แอคทีฟ เทรลเลอร์ เป็นครั้งแรกของประเทศไทย ซึ่งผู้ชมจะได้รับโทรศัพท์จากคนที่ไม่รู้จักในระหว่างชมภาพยนตร์ตัวอย่าง ผ่านทางเว็บไซต์ เข้าสู่หน้าภาพยนตร์ตัวอย่าง โดยเมื่อถึงฉากที่พระเอกของเรื่องใช้มือถือ LG Lollipop โทรหาแฟนเก่า ผู้ชมจะได้รับสายเรียกเข้าจากบุคคลแปลกหน้า และเมื่อรับสายก็จะต้องพบกับความประหลาดใจ เมื่อได้ยินเสียงของผู้ชายกวนๆ ในแบบฉบับของภาพยนตร์ กวน มึน โฮ พูดขึ้นว่า “ชื่ออะไรน่ะ ยินดีที่ไม่รู้จักครับ” (เฉพาะ 150 คนแรกที่เข้าร่วมกิจกรรมในแต่ละวัน)
นายณัฐวัชร์ กล่าวว่า แคมเปญออนไลน์ LG Lollipop Love Story เป็นแคมเปญเดียวจากประเทศไทยที่ได้รับรางวัล Silver PR Lions จากเมืองคานส์ LG ได้ตอกย้ำให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ สู่ผู้บริโภคอีกครั้ง ด้วยการนำเสนอ อินเทอร์แอคทีฟ เทรลเลอร์ ครั้งแรกของประเทศไทย ซึ่งเชื่อว่าน่าจะถูกใจกลุ่มวัยรุ่นที่ชอบความแปลกใหม่ และจะช่วยเพิ่มความรับรู้รวมทั้งเชื่อมโยงให้เกิดความชื่นชอบผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม LG LED Series ได้

ไมล์สโตน 2 เตรียมลุยตุลาคมนี้!



โมโตโรล่าเผยโฉม แอนดรอยด์โฟน ภายใต้ชื่อไมล์สโตน (Milestone) เจเนอเรชัน 2 หรือ ไมล์สโตน 2 ที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 2.2 (Froyo) ซีพียูความเร็ว 1 GHz, หน่วยความจำ 8 GB, กล้อง 5 ล้านพิกเซล, มี GPS และรองรับการใช้งาน Flash Player 10.1
Alain Mutricy รองประธานอาวุโส บริษัท โมโตโรล่า กล่าวว่า ไมล์สโตนรุ่นใหม่ได้มีการอัปเดตประสิทธิภาพการใช้งานให้เพิ่มสูงขึ้น จากไมล์สโตนรุ่นแรก โดยได้มีการใช้ซีพียู OMAP ความเร็ว 1GHz, RAM 512MB และใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชัน 2.2 ซึ่งถือเป็นเวอร์ชันใหม่ล่าสุด ในขณะที่ไมล์สโตนรุ่นแรกนั้นใช้แอนดรอยด์ 2.1 และมีซีพียูความเร็ว 600MHz
นอกจากนี้ Milestone 2 ยังสนับสนุนการใช้งานโปรแกรม Flash Player 10.1 ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ในการเข้าชมเว็บไซต์กว่าล้านเว็บไซต์ทั่วโลก อีกทั้งยังช่วยให้สามารถเล่นเกม และดูวิดีโอที่ใช้งานโปรแกรมแฟลชได้ ซึ่งความสามารถนี้มาพร้อมกับแอนดรอยด์เวอร์ชัน 2.2 นี้เอง
ในแง่ของการใช้งาน โมโตโรล่า ยังได้มีการพัฒนาคีย์บอร์ด QWERTY ให้มีขนาดใหญ่ และใช้งานง่ายขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถพิมพ์ข้อความได้อย่างรวดเร็ว, รองรับการใช้งาน 3G Hotspot เพื่อกระจายสัญญาณให้กับอุปกรณ์ต่างๆ พร้อมกัน 5 เครื่อง นอกจากนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยี DNLA ที่ทำให้โทรศัพท์เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ในแบบไร้สาย
"การเปิดตัวในครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นในการปรับปรุงความสามารถใหม่ในไมล์สโตน 2 แต่ยังเป็นการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการสมาร์ทโฟนที่สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ต, ส่งข้อความ, ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน และการใช้งานมัลติมีเดียที่ รวดเร็ว ยิ่งขึ้น" Alain Mutricy กล่าว
สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาจากไมล์สโตนรุ่นก่อน คือความสามารถในการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูง HD 720p รวมถึงอินเตอร์เฟส "MOTOBLUR" ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถจัดการระบบอีเมล์ และโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างๆ ได้ง่ายขึ้นยิ่งขึ้น สามารถลดขนาดวิตเจ็ทได้ และมีระบบรักษาความปลอดภัยองค์กร และการจัดการแบตเตอรี่ที่คล่องตัวมากยิ่งขึ้น
ในส่วนกล้องภาพนิ่งนั้นยังคงมีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และมีไฟแฟลชแอลอีดีแบบคู่ เหมือนในไมล์สโตนรุ่นแรก มีหน้าจอแสดงผล WVGA แบบมัลติทัชขนาดกว้าง 3.7 นิ้ว ช่องต่อหูฟัง 3.5มม. และเมมโมรีความจุ 8 GB ซึ่งสามารถเพิ่มความจุให้กับตัวเครื่องได้มากถึง 40 GB ด้วยไมโครเอสดี ความจุสูงสุด 32 GB
Milestone 2 จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศอังกฤษ ช่วงเดือนตุลาคม ปี 2553 ส่วนความคืบหน้าในประเทศไทยยังไม่มีความเคลื่อนไหวในขณะนี้ สำหรับ Milestone เป็นชื่อรุ่นที่ใช้สำหรับทำตลาดในเครื่องที่ใช้คลื่น GSM/HSPA ในยุโรปและเอเชีย ส่วนในสหรัฐฯ วางจำหน่ายในชื่อ Droid ซึ่งรองรับเครือข่ายแบบ CDMA เท่านั้น

ตื่นตาสมาร์ทโฟนเอเซอร์เฟอร์รารี



เอเซอร์จับม้าลำพองลงสมาร์ทโฟน Liquid E Ferrari สีแดงเพลิงเจาะตลาดพรีเมียมแฟนพันธุ์แท้เฟอร์รารี พร้อมรุ่น STREAM ที่จับกลุ่มที่ชอบความบันเทิง
นายนิธิพัทธ์ ปะวีณวงค์วุฒิ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาดบริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ กล่าวว่า ปีนี้เอเซอร์เปิดตลาดมือถือสมาร์ทโฟน 9 รุ่น 3 ซีรีส์ เจาะ 3 เซกเมนต์ตั้งแต่ผู้เริ่มใช้ ผู้ใช้ระดับกลาง และไฮเอนด์ ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาเอเซอร์ได้นำรุ่นสำหรับผู้เริ่มใช้และลูกค้าระดับกลางออกสู่ตลาดไปแล้ว และครั้งนี้ได้มีการเปิดตัวสมาร์ทโฟน 2 รุ่นซึ่งเป็นกลุ่มไฮเอนด์ คือ รุ่น Liquid E Ferrari ที่เน้นการดีไซน์จากต้นแบบของรถแข่งเฟอร์รารีสีแดงเพลิง ประทับตราม้าลำพองผสานเทคโนโลยี Android 2.1 (Eclair) โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือแฟนพันธุ์แท้ที่ชื่นชอบเฟอร์รารี ซึ่งทั่วโลกมีเพียง 8 พันเครื่อง อยู่ในไทย 500 เครื่อง พร้อมกันนี้ ยังได้เปิดตัว STREAM สมาร์ทโฟนมัลติมีเดียระดับไฮเอนด์อีกหนึ่งรุ่น
“อินโนเวทีฟ และความเป็นไฮเอนด์คือโพสิชันนิ่งของเรา”
นงสาวสุภาพร ลือพร้อมชัย ผู้จัดการอาวุโสลิตภัณฑ์กลุ่มดิจิตล ดิสเพลย์ เอซอร์ กล่าวว่า สมาร์ทโฟน Liquid E Ferrari บอดี้เป็นวัสดุเคลือบเงาสีแดงเพลิง ดีไซน์จากต้นแบบของรถเฟอรรารี ประทับโลโกม้าลำพองและเอเซอร์ พร้อมอัดสปีดความ เร็ว แรง ด้วยระบบปฏิบัติการและโครงสร้างเมนู Android 2.1หน้าจอระบบสัมผัสแบบ capacitive ขนาด 3.5 นิ้ว WVGA รองรับการเชื่อมต่อได้ทั้งระบบ 3G, Wi-Fi, GPS, Bluetooth และกล้อง 5 ล้านพิกเซล พร้อมหูฟังบลูทูธเฟอร์รารีพร้อมเว็บลิงค์เข้าสู่ Ferrari Youtube, Ferrari Facebook วางจำหน่ายในราคา 21,900 บาท
ส่วนสมาร์ทโฟน STREAM เหมาะกับผู้ที่ชอบความบันเทิงทั้งการชมรายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์ระดับ High Definition และการฟังเพลง และการท่องเว็บไซต์มาพร้อมกับหน้าจอ AMOLED WVGA 3.7 แน้ว ระบบสัมผัสแบบ Capacitive หนักเพียง 126 กรัม รองรับระบบปฏิบัติการ Android 2.1 (Eclair) รองรับ 3G และ Wi-Fi ในราคา 18,900 บาท
ส่วนช่องทางการทำตลาดสมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่น จะขายผ่านคู่ค้าของเอเซอร์แต่จะเน้นพรีเมียมชอปเป็นหลักเนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ไฮเอนด์จึงต้องทำตลาดแบบไฮเอนด์ เช่น ชอปเอ็มโพเดียม หรือสยามพารากอน

AIS เปิด'GSM ซิมเดียวอยู่'







จีเอสเอ็ม แอดวานซ์ นำ EDGE Plus เติมเต็มชีวิตสมาร์ทให้คนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบชีวิตออนไลน์ ภายใต้ธีม “จีเอสเอ็ม ซิมเดียวอยู่” พร้อมเปิดตัวซิมฝั่งโขงในระบบเติมเงินช่วยลูกค้าประหยัด 90%
นายสมชัย เลิศสุทธิวงศ์ (ที่ 2 จากซ้าย) รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด เอไอเอสกล่าวว่า เอไอเอสได้เพิ่มความอัจฉริยะให้แก่ซิมจีเอสเอ็ม แอดวานซ์ด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่จะทำให้ลูกค้าจีเอสเอ็ม แอดวานซ์ สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ต โทร.ออกและรับสายได้พร้อมกันในพื้นที่ครอบคลุมทุกภาค บนเทคโนโลยี EDGE Plus
นอกจากนี้ยังสามารถดาวน์โหลดและอัปโหลดข้อมูลต่างๆ ได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะอัปโหลดได้เร็วขึ้นถึง 2 เท่า จาก 118 Kbps เป็น 236 Kbps รวมทั้งเพิ่มแพกเสริมใหม่ คุยฟรีข้ามวันข้ามคืน เป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้ลูกค้าคุยได้ไม่อั้นตั้งแต่ 4 ทุ่ม - 5 โมงเย็น ในเครือข่ายเอไอเอส เพียงเดือนละ 249 บาท
ทำให้วันนี้ซิมจีเอสเอ็ม แอดวานซ์ มีความพร้อมครบเครื่องในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นแพกเกจที่โดนใจ, สิทธิพิเศษที่ทำร่วมกับพาร์ตเนอร์มากมาย รวมทั้งการมีเน็ตเวิร์คที่เข้มแข็ง เซอร์วิสที่ล้ำหน้า เติมเต็มชีวิตสมาร์ทให้แก่คนรุ่นใหม่ได้
เปิดซิมฝั่งโขง
นายสมชัยกล่าวว่า เอไอเอสยังได้ร่วมมือกับเอ็มโฟนประเทศกัมพูชาและลาวเทเลคอม เปิดซิมฝั่งโขงในระบบเติมเงิน โดยกลุ่มเป้าหมายหลักที่ทั้ง 3 โอเปอเรเตอร์มองเห็นจุดเดียวกัน คือ นักธุรกิจ นักท่องเที่ยว ที่เดินทางข้ามฝั่งไปยัง 3 ประเทศ ได้ใช้โทรศัพท์ในราคาที่ถูกกว่าเดิม 81% - 90% จากปกติไทย-ลาว อยู่ที่ 32 บาท ส่วนไทย-กัมพูชา อยู่ที่ 92 บาท ลดลงเหลือ 6 บาททั้งหมด
ในส่วนของลูกค้าซิมฝั่งโขงของเอไอเอส สามารถนำไปใช้งานในทุกพื้นที่ของกัมพูชาและลาว เพียงเลือกเครือข่ายเอ็มโฟนในกัมพูชา และลาว เทเลคอม ในลาว ก็สามารถโทร.ข้ามประเทศหากัน และโทร.ในพื้นที่ประเทศนั้นๆ ได้ อัตราค่าโทร.กลับบ้าน หรือโทร.ในพื้นที่ในลาวและกัมพูชานาทีละ 6 บาท หรือส่ง SMS ครั้งละ 6 บาท ส่วนการรับสายในลาวจากปกติ 30 บาท ลงมาเหลือ 18 บาท รับสายในกัมพูชา 70 บาท เหลือ 30 บาท ขณะที่ถ้าโทร.ในประเทศจะเป็นตามโปรโมชันที่เลือกใช้
ซิมฝั่งโขง ขายในราคาซิมละ 99 บาท ตั้งแต่วันนี้ที่ร้านค้าทั่วไปใน 13 จังหวัดที่ติดชายแดนลาวและกัมพูชา ได้แก่ อุบลราชธานี , เลย , หนองคาย , นครพนม , มุกดาหาร , อำนาจเจริญ , ศรีษะเกษ , สุรินทร์ , บุรีรัมย์ , จันทบุรี , ตราด, สระแก้ว และบึงกาฬ







สิ้นปีได้เห็น! สมาร์ทโฟนดูอัลคอร์

http://www.manager.co.th/Telecom/ViewNews.aspx?NewsID=9530000125689


แอลจี-ซัมซุง 2 แบรนด์ใหญ่จากเกาหลี ไม่ยอมน้อยหน้ากัน ประกาศเปิดตัวหน่วยประมวลผลดูอัลคอร์สำหรับอุปกรณ์พกพา ในวันเดียวกัน โดยแอลจีหวังกระจายชิปสู่โรงงานผลิตให้ทันช่วงไตรมาส 4 ขณะซัมซุงวางแผนทำตลาดในช่วงต้นปีหน้า

ทางแอลจีขยับตัวก่อน แนะนำซีรีส์ หน่วยประมวลผลสำหรับอุปกรณ์พกพารุ่นใหม่ภายใต้สายการผลิตของ "NVIDIA Tegra 2" ซึ่งคาดว่าจะเริ่มนำมาใช้กับสมาร์ทโฟนในรุ่น ออปติมัส (Optimus) ซึ่งเป็นไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ของแอลจี ที่เพิ่งเริ่มทำตลาดไม่นานนี้ซึ่งตัวออปติมัส 7 เป็นรุ่นแรกที่มีข่าวหลุดออกมาว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ โฟน 7 ที่จะเปิดตัวพร้อมกับการเปิดตัวระบบปฏิบัติจากไมโครซอฟท์ในช่วงเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้

แอลจีออกมาให้คำนิยามหน่วยประมวลผล NVIDIA Tegra 2 ว่าเป็นหนึ่งในทุกด้าน เช่น เป็นโมบายล์ซีพียูดูอัลคอร์ มีหน่วยประมวลผลภาพ (NVIDIA GeForce GPU) แบบประหยัดพลังงาน รองรับการประมวลผลภาพแบบ Full HD 1080p ภายใต้ความเร็วประมวลผลดูอัลคอร์ที่ 1GHz ทำให้ผู้ใช้สามารถท่องอินเทอร์เน็ตได้เร็วขึ้นเท่าตัว เล่นเกมเร็วขึ้น 5 เท่า รวมไปถึงรองรับการแสดงผลภาพแบบ 3มิติ ในอนาคตเป็นต้น

กำหนดการวางจำหน่าย ออปติมัส ซีรีส์ ที่มาพร้อมกับ NVIDIA Tegra 2 ของทางแอลจีในต่างประเทศ จะเริ่มในไตรมาส 4 ของปีนี้ ส่วนความคืบหน้าของการจำหน่ายภายในประเทศยังไม่มีรายงานออกมา

หลังจากทางแอลจีประกาศเปิดตัวได้ไม่นาน ทางซัมซุงเองก็ออกมาขยับตัวประกาศเปิดตัว "Orion" โค้ดเนมหน่วยประมวลผลดูอัลคอร์ ที่ใช้สายการผลิตของ ARM Cortex A9 ภายใต้คอนเซปต์ซีพียูประสิทธิภาพสูง ประหยัดพลังงาน สำหรับแท็ปแล็ต เน็ตบุ๊ก และสมาร์ทโฟน

ทางซัมซุงยังคงเลือกที่จะใช้สถาปัตยกรรมขนาด 45 นาโนเมตร จาก ARM Cortex A9 1GHz ที่มาพร้อม D-Cache, I-Cache ขนาด 32KB และ L2-Cache 1MB เพื่อให้สามารถรองรับการใช้งานมัลติเทสกิ้งได้สมบูรณ์แบบมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มหน่วยความจำภายในเพื่อให้สามารถประมวลผลมัลติมีเดียอย่าง Full HD และ เกมส์ 3มิติ ด้วยเช่นกัน

โดยหน่วยประมวลผลดังกล่าวได้มีการพัฒนาให้รองรับการใช้งานทางด้านมัลติมีเดียเพิ่มขึ้น เช่นการเข้า-ถอดรหัส วิดีโอ เพิ่มความสามารถให้สามารถอัดวิดีโอความละเอียด 1080p ที่ 30 เฟรมต่อวินาที ใช้หน่วยประมวลผลภาพ (GPU) มาเพิ่มขีดความสามารถในการประมวลผล ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพดีกว่าซีพียูตัวล่าสุดของซัมซุง 5 เท่า

นอกจากนี้ Orion ยังสามารถให้ผู้ใช้เลือกหน่วยบันทึกข้อมูลประเภทต่างๆได้ ไม่ว่าจะเป็น NAND flash, moviNAND, SSD หรือ HDD SATA และ eMMC เลือกหน่วยความจำได้ว่าจะเป็น DDR2 หรือ DDR3 เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงที่สุด รวมไปถึงใส่ตัวรับสัญญาณ GPS ให้รองรับการใช้งานโลเคชัน เบส เซอร์วิสได้ในอนาคต

สำหรับกำหนดการวางจำหน่ายหน่วยประมวลผล Orion ให้กับทางโรงงานผลิตจะอยู่ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ และทางซัมซุงคาดว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้หน่วยประมวลผลดังกล่าวจะเริ่มทำตลาดในช่วงครึ่งแรกของปี 2011

เจมาร์ทเปิด 'ซีซีแชต' ผ่านมือถือเจโฟน

http://www.manager.co.th/Telecom/ViewNews.aspx?NewsID=9530000125742



เจมาร์ทออก “ซีซีแชต” บริการแชตผ่านมือถือเจโฟน รองกรับการขยายตัวของสังคมออนไลน์ เน้นกลุ่มวัยรุ่น ด้วยโปรโมชัน 39 บาทต่อสัปดาห์ ตั้งเป้าผู้ใช้แสนรายภายในสิ้นปีนี้

นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท กล่าวว่า จากกระแสความนิยมของของเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะสามารถแบ่งปันข่าวสารและติดต่อกันได้ตลอดเวลา โดยผ่านรูปแบบของข้อความ รูปภาพ เสียง รวมไปถึงการแชต แต่การแชตไม่ได้จำกัดแค่โลกออนไลน์หรือบนหน้าจอคอมพิวเตอร์เท่านั้น แชตยังมีบทบาทและได้รับความนิยมบนมือถือมากขึ้น เนื่องจากมีความสะดวกสบาย และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการติดต่อสื่อสารได้ทุกที่ทุกเวลา

แต่การแชตบนมือถือจะมีความยุ่งยากในการใช้งาน เพราะคู่สนทนาจะต้องออนไลน์ จึงจะสามารถสนทนากันได้ แม้ตอนนี้จะมีบริการที่แก้ปัญหานี้ได้ แต่ก็ยังมีข้อจำกัดเรื่องของราคาเครื่องและค่าบริการรายเดือนที่สูง จึงไม่สามารถตอบสนองความต้องการกลุ่มวัยรุ่นได้อย่างแท้จริง

จากกระแสความนิยมดังกล่าวและความยุ่งยากที่เข้าไม่ถึงกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง เจมาร์ทจึงได้เปิดซีซีแชต ซึ่งเป็นบริการแชตผ่านมือถือเจโฟนที่เป็นเครื่องลูกข่ายราคาตั้งแต่ 1,990-2,900 บาท

'เราเห็นช่องว่างทางการตลาดตรงนี้จึงได้พัฒนาบริการและเครื่องลูกข่ายออกมาตอบสนองกลุ่มเป้า'

เจมาร์ทจะใช้งบการตลาดประมาณ 50 ล้านบาท ทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อแบบครบวงจร เพื่อแนะนำบริการซีซีแชตและสื่อให้เข้าถึงกลุ่มวัยรุ่น โดยเน้นสีสันสดใจและภาษาที่โดนใจ

สำหรับซีซีแชตเป็นการทำงานในรูปแบบออนไลน์โดยการสมัครบริการซีซีแชตด้วยเบอร์โทรศัพท์และชื่อของผู้สมัครกับเครื่องเจโฟนที่มีให้บริการ โดยไม่ต้อง Sing in บริการดังกล่าวสามารถใช้บริการกับผู้ให้บริการทั้งเอไอเอส ดีแทค และทรูมูฟ โดยเจมาร์ทตั้งเป้าผู้ใช้บริการ 1 แสนรายภายในสิ้นปีนี้ ด้วยค่าบริการ 39 บาทต่อสัปดาห์

บริการดังกล่าวมีด้วยกัน 4 รูปแบบคือ 1.บริการแชต (ซีซีแชต) ให้สนุกกับการแชตผ่านข้อความ รูปภาพ อีเมล และข้อความเสียง 2.บริการพุชเมล (ซีซีเมล) ซึ่งเป็นการบริการที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรับส่งอีเมลไม่ว่จะเป็นฮอตเมล ยาฮู หรือกูเกิลได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ ยังสามารถตอบกลับโดยไม่ต้องเข้าโปรแกรม หรือ Sing in 3.บริการส่งรูป (ซีซีพิก) บริการรับส่งภาพโดยไม่ต้องดาวน์โหลดไฟล์ภาพ 4.บริการเสียง (ซีซีออดิโอ) บริการรับส่งข้อความเสียง

แอลจีผุด 'Optimus' ชิงแชร์สมาร์ทโฟน

http://www.manager.co.th/Telecom/ViewNews.aspx?NewsID=9530000129447



แอลจีเดินเครื่องตลาดสมาร์ทโฟนส่ง Optimus ซีรีส์บุกตลาด ลั่นปีหน้าขอขึ้นท็อปทรีผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนอินเตอร์แบรนด์ เชื่อปลายปีนี้ส่วนแบ่งตลาดรวมมือถือเกิน 10%

นายณัฐวัชร์ ศิริวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า คาดว่าปีหน้าตลาดสมารท์โฟนจะมีการแข่งขันรุนแรงและสมาร์ทโฟนจะเข้าไปอยู่ในตลาดแมสมากขึ้น

'ภาพรวมของตลาดสมาร์ทโฟนมาแน่อยู่แล้ว แอลจีเองก็พร้อมที่จะลุยตลาดสมาร์ทโฟนภายใต้ซีรีส์ Optimus ซึ่งจะทำตลาดในทุกๆระบบปฏิบัติการ ทั้งแอนดรอยด์ วินโดวส์โฟน เซเว่น แต่ในช่วงแรกจะเน้นไปที่กลุ่มแมสที่มีความต้องการมากกว่า'

ปัจจุบันผู้บริโภคที่ต้องการสมาร์ทโฟน ให้ความสำคัญกับฟังก์ชันที่เหมาะสม โดยไม่มองลึกลงไปถึงเวอร์ชันระบบปฏิบัติการ แต่มองแค่เพียงว่าตอบสนองการใช้งานที่เหมาะกับตนเอง ดีไซน์สวยงามมากกว่า ส่วนเรื่องแบรนด์กลับเริ่มตกลงมา โดยการขยายตลาดของสมาร์ทโฟนต้องขอบคุณแบล็กเบอรี ที่เป็นตัวช่วยผลักดันให้ตลาดใหญ่ขึ้น เพิ่มมูลค่าให้กับตลาด

ณัฐวัชร์มองว่าแต่ละแบรนด์มีจุดเด่นในตัวเอง ทำให้ทุกๆแบรนด์ช่วยกันทำตลาด ราคาของสมาร์ทโฟนจะเข้าไปในตลาดแมสมากขึ้น เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น แต่ไม่สามารถกดราคาได้ต่ำเท่ากับฟีเจอร์โฟน เนื่องจากมีฮาร์ดแวร์ที่มีราคาค่อนข้างสูงกว่า

'ผลสำรวจล่าสุดของจีเอฟเค ระบุว่าสิ้นปีนี้ตลาดรวมโทรศัพท์มือถือในประเทศจะอยู่ที่ราวๆ 10 ล้านเครื่อง ซึ่งจะเป็นสมาร์ทโฟนราว 6-7% เท่านั้น แต่ถ้ามองในแง่ของมูลค่าแล้วน่าจะอยู่ราวๆ 2 หมื่นกว่าล้าน ซึ่งมีสัดส่วนเป็นสมาร์ทโฟนถึง 24%'

สำหรับราคาสมาร์ทโฟนในประเทศไทยน่าจะอยู่ในช่วงตั้งแต่เกือบหมื่นไปจนถึงระดับหมื่นกลางๆ โดยแอลจีวางแผนว่าจะมีการออกสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ทุกๆ 2 เดือนนับจากนี้ เพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดให้เป็นท็อปทรีภายในปีหน้า โดยแอลจีเปิดตัว Optimus One และ Optimus Chic ซึ่งเป็น 2 รุ่นแรกในตระกูล Optimus ของแอลจีที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เวอร์ชัน 2.2 (Froyo) โดยกำหนดทำตลาด Optimus One ในไทยช่วงเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้

'เราเชื่อว่า Optimus One จะเข้ามาเจาะตลาดกลุ่มแมสที่ต้องการสมาร์ทโฟนได้แน่นอน'

สำหรับส่วนแบ่งตลาดโทรศัพท์มือถือในปัจจุบัน แอลจีมีประมาณ 9-10% จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 3-4% เท่านั้น เชื่อว่าสิ้นปีนี้น่าจะมีส่วนแบ่งตลาดเกิน 10% จากการรุกเข้ามาเจาะตลาดในกลุ่มแมสมากขึ้น รวมถึงมีจำนวนรุ่นมากกว่าปีก่อน

เดลล์ผุด"แท็บเล็ตเน็ตบุ๊ก" 2 อย่างในร่างเดียว

http://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9530000129536



เดลล์ใช้เวที Intel Developer Forum โชว์ตัวคอมพิวเตอร์พกพาขนาด 10 นิ้วที่สามารถ"พลิกหน้าจอ"เพื่อแปลงร่างไปมาระหว่างคอมพิวเตอร์เน็ตบุ๊กและแท็บเล็ตหน้าจอสัมผัสได้ตามต้องการ ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลคุณสมบัติที่ครบถ้วนในขณะนี้ มีเพียงชื่อรุ่น Inspiron Duo เพื่อบ่งบอกถึงความเป็นคอมพิวเตอร์ลูกผสม 2 สายพันธุ์

ผู้บริหารเดลล์ที่เปิดตัวต้นแบบคอมพิวเตอร์พลิกหน้าจอได้ Inspiron Duo นี้คือ Dave Zavelson ขึ้นเวทีร่วมให้ข้อมูลพร้อมกับ Doug Davis ผู้บริหารอินเทล โดยก่อนหน้านี้ ข่าวลือว่าเดลล์กำลังซุ่มพัฒนาคอมพิวเตอร์ลูกผสมเน็ตบุ๊กแท็บเล็ตนั้นแพร่สะพัดทั่วโลกออนไลน์มาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งร่ำลือกันว่าอาจจะใช้ชื่อโค้ดเนมว่า Sparta

ข้อมูลเบื้องต้นระบุว่า Inspiron Duo จะมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 7 Home Premium ขุมพลังชิปอินเทลอะตอมดูอัลคอร์ N550 ผู้ใช้สามารถเปิดฝาพับเครื่องแล้วใช้งานคีย์บอร์ดในรูปคอมพิวเตอร์เน็ตบุ๊กปกติ หรืออาจพลิกกลับด้านหน้าจอเพื่อใช้งานในรูปแท็บเล็ตหน้าจอสัมผัสก็ได้ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่ต่างกัน

แท็บเล็ตนั้นได้รับการยกย่องว่าเหมาะสมกับการใช้งานเพื่อการท่องอินเทอร์เน็ต Inspiron Duo ในรูปแท็บเล็ตจึงถูกนำมาสาธิตการเรียกชมภาพถ่ายในเฟสบุ๊ก (Facebook) ว่าสามารถทำงานได้สะดวกสบายเพียงไร นอกจากนี้ยังสามารถเป็นเครื่องเล่นมัลติมีเดีย ผู้ใช้สามารถฟังวิทยุออนไลน์ รวมถึงเล่นเกมออนไลน์ได้ดี แต่ขณะเดียวกัน Inspiron Duo ก็สามารถเป็นเครื่องมือในการทำงานได้ เพราะสามารถใช้งานคีย์บอร์ดในรูปเน็ตบุ๊ก ถือเป็นส่วนผสมลงตัวที่เดลล์เชื่อว่าจะถูกใจผู้บริโภค

ยังไม่มีรายละเอียดคุณสมบัติของเครื่อง ทั้งขนาดความหนาตัวเครื่อง หรือมีกล้องดิจิตอลหรือไม่ รวมถึงกำหนดการวางจำหน่ายในอนาคต
ขอบคุณภาพจากซีเน็ต

โนเกียไม่ถอย โชว์สมาร์ทโฟนใหม่ 3 รุ่น

http://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9530000129700

โนเกีย (Nokia) เปิดตัวสมาร์ทโฟน 3 รุ่นใหม่กลางงาน Nokia World 2010 ได้แก่รุ่นรุกนักธุรกิจ Nokia E7 พร้อมด้วยรุ่นเอาใจคอนซูเมอร์กระเป๋าหนัก Nokia C7 และกระเป๋าเบากว่า Nokia C6 ทั้งหมดมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Symbian^3 OS ระบบปฏิบัติการที่โนเกียจะเปิดศักราชอย่างเต็มตัวในปีนี้ด้วย Nokia N8

** Nokia E7 **




จุดเด่นของ Nokia E7 คือการมาพร้อมหน้าจอ AMOLED ระบบสัมผัส capacitive ขนาด 4 นิ้วความละเอียด 640x360 มีคีย์บอร์ดสไลด์ข้าง หน่วยความจำภายใน 16GB RAM ขนาด 256MB กล้องดิจิตอล 8 ล้านพิกเซลพร้อมแฟลช LED คู่ซึ่งสามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดสูง 720p มีช่องต่อยูเอสบีความเร็วสูง Bluetooth 3.0 รองรับ GPS และเครือข่ายไร้สายไว-ไฟ 802.11 b/g/n มีช่องต่อ HDMI out สำหรับเชื่อมต่อทีวีเพื่อเล่นวิดีโอความละเอียดสูง พร้อมพอร์ทไมโคร USB 2.0

Nokia E7 ถูกการันตีว่าจะสามารถสนทนาต่อเนื่องบนเครือข่าย GSM ได้นาน 9 ชั่วโมง แต่บนเครือข่าย WCDMA จะสนทนาต่อเนื่องได้นาน 5 ชั่วโมง มี 5 สีให้เลือกคือเทาเข้ม ขาวเงิน เขียวสดใส ฟ้าเจิดจ้า และส้มสว่าง สนนราคาจำหน่ายในยุโรป 637 เหรียญ (ราว 19,651 บาท)

** Nokia C7 **



นี่คือสมาร์ทโฟนเพื่อชาวเครือข่ายสังคมรุ่นล่าสุดของโนเกีย C7 มาพร้อมทางเข้าเฟสบุ๊ก ทวิตเตอร์ และบริการเมลออนไลน์ไว้บนโฮมสกรีน หน้าจอ C7 เป็นจอ AMOLED ทัชสกรีนเหมือน E7 แต่มีขนาดเล็กกว่า 3.5 นิ้ว ความละเอียด 640x360 ขนาดบางเฉียบ 0.41 นิ้ว หนากว่า iPhone 4 ซึ่งบาง 0.37 นิ้วเพียงเล็กน้อย
เช่นเดียวกับ E7 โนเกียให้กล้องดิจิตอลความละเอียด 8 ล้านพิกเซลใน C7 พร้อมแฟลช LED คู่และสามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดสูง 720p ได้ เวลาสนทนาต่อเนื่อง 5-9 ชั่วโมง รองรับ Bluetooth 3.0, GPS และเครือข่ายไร้สาย 802.11b/g/n ความจุหน่วยความจำ 8GB สามารถเสียบการ์ด microSD เพื่อเพิ่มเนื้อที่เก็บข้อมูลได้สูงสุดอีก 32GB ซึ่งจะทำให้สามารถเก็บข้อมูลได้ 40GB มีให้เลือก 3 สี คือดำ เงินโลหะ และ
น้ำตาลมะฮอกกานี สนนราคาในยุโรป 430 เหรียญสหรัฐ (ราว 13,218 บาท)

** Nokia C6 **




Nokia C6 ถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นเล็กที่สุดในบรรดาทัพสมาร์ทโฟนที่โนเกียเข็นออกมาเพื่อทำตลาดระบบปฏิบัติการ Symbian^3 OS มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 3.2 นิ้ว ความละเอียด 640x360 มีกล้องหน้าเพื่อทำวิดีโอคอลล์ และกล้องหลัง 8 ล้านพิกเซลเพื่อภาพถ่ายคมชัด แฟลช LED คู่ สามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดสูง 720p ดิจิตอลซูม 2X หน่วยความจำภาย
ใน 340 MB รองรับ microSD การ์ดเพิ่มความจุได้อีก 32GB รองรับ GPS, 802.11b/g/n และ Bluetooth 3.0
โนเกียการันตีว่า C6 มีเวลาสนทนาต่อเนื่อง 11.5 ชั่วโมงบนเครือข่าย GSM มีสีดำและเทาเงิน สนนราคา 335 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 10,334 บาท)

ทั้ง 3 รุ่นยังไม่มีข้อมูลการจำหน่ายในภูมิภาคอื่น โดยล่าสุด การสำรวจจากบริษัท IDC พบว่า ส่วนแบ่งการตลาดของโนเกียในตลาดสมาร์ทโฟนโลกนั้นอยู่ที่ 24% (ข้อมูลเดือนเมษายนถึงมิถุนายน 2010) แสดงให้เห็นถึงเก้าอี้ผู้นำในสมาร์ทโฟนของโนเกียกำลังสั่นคลอนอย่างเห็นได้ชัด



ซีเกทจับมือซัมซุงพัฒนา SSD

http://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9530000116470


ซีเกท เทคโนโลยี ผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์และโซลูชันสำหรับจัดเก็บข้อมูล จับมือกับ ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ จำกัด ผู้นำด้านเทคโนโลยีหน่วยความจำรุ่นใหม่ ในการพัฒนาเทคโนโลยีคอนโทรลเลอร์สำหรับอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลประเภทโซลิดสเตทไดร์ฟ

ความร่วมมือดังกล่าวจะทำให้เทคโนโลยี Solid State Drive (SSD) ของแต่ละบริษัทมีการพัฒนาเพิ่มขึ้นจากการผสานการจัดเก็บข้อมูลในองค์กรของซีเกทกับเทคโนโลยี Flash Memory ใน MLC NAND class 30nm ของซัมซุง เพื่อนำไปใช้ในไดรฟ์โซลิดสเตทสำหรับองค์กรของซีเกท

นายสตีฟ ลุคโซ่ ประธานกรรมการ ประธานบริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของซีเกท กล่าวว่า ซีเกทยอมรับว่ามานานแล้วว่า เทคโนโลยีโซลิดสเตทมีบทบาทสำคัญต่อโซลูชัน ของอุตสาหกรรมการจัดเก็บข้อมูลในปัจจุบันและในอนาคต โดยเฉพาะในตลาดองค์กร

"การบรรลุข้อตกลงกับซัมซุงในวันนี้จะช่วยให้เรานำนวัตกรรมของโซลิดสเตทไดรฟ์เข้าสู่ตลาดจัดเก็บข้อมูลขององค์กร ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพ ความทนทานและความน่าเชื่อถือ รวมถึงการลดค่าใช้จ่ายและการเพิ่มความจุ"

โดยข้อตกลงกับซัมซุงช่วยเสริมความแข็งแกร่งของกลยุทธ์ในการดำเนินงานเกี่ยวกับโซลูชันโซลิดสเตทไดรฟ์ของซีเกท เนื่องจากความต้องการในการจัดเก็บข้อมูลทั่วโลกยังมีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง

ดร. ชางยุน คิม รองประธานอาวุโสและกรรมการอาวุโส ฝ่ายวางแผนผลิตภัณฑ์และวิศวกรรมระบบปฏิบัติการหน่วยความจำ ธุรกิจเซมิคอนดัคเตอร์ ของบริษัท ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ กล่าวว่า ซัมซุงมีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับซีเกทในการพัฒนาคอนโทรลเลอร์สำหรับโซลิดสเตทไดรฟ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับตลาดจัดเก็บข้อมูลขององค์กร

"เชื่อว่าโซลูชันหน่วยความจำที่ช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้รับการออกแบบเพื่อให้การทำงานของเครื่องแม่ข่ายใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และคาดว่าจะช่วยเพิ่มปริมาณการใช้ งานการจัดเก็บข้อมูลบนพื้นฐาน NAND ในระบบปฏิบัติการองค์กร"

ครีเอทีฟ ส่ง "Pure Music" เอาใจนักฟังเพลงทุกระดับ








ครีเอทีฟส่งสินค้าในกลุ่ม "Pure Music" ลงตลาดในไทย 8 รุ่น พร้อมเปิดตัวนวัตกรรมการฟังเพลงครั้งใหม่ด้วยสินค้าในกลุ่ม "Pure Wireless Speaker" เพิ่มความสะดวกสบายในการรับฟังเพลงผ่านอุปกรณ์มือถือและมีเดียเพลเยอร์ด้วยเทคโนโลยี apt-X (Bluetooth)

นายพอล เซี่ยว ผู้จัดการฝ่ายขายประจำภูมิภาคอาเซียนของครีเอทีฟ กล่าวว่า สินค้าในกลุ่ม "Pure Music" จะเน้นจับกลุ่มไปทางนักฟังเพลงเป็นหลัก ซึ่งทางครีเอทีฟได้แบ่งกลุ่ม "Prue Music" ออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ Pure Listening เน้นไปทางหูฟังสำหรับใช้กับเครื่องเล่นเอ็มพี 3 และโทรศัพท์มือถือ Pure Music On-The-Go เน้นไปทางเครื่องเล่นมีเดียเพลเยอร์ และ Pure Wireless Speakers เน้นไปทางกลุ่มลำโพงบลูทูธ ซึ่งออกแบบมาใช้กับอุปกรณ์จำพวก iPhone, iPod Touch และ Mobile Device ที่รองรับระบบ Bluetooth เป็นหลัก

สำหรับในส่วนของรายละเอียดสินค้าทั้ง 8 รุ่น ที่ถูกแยกตามกลุ่มต่างๆ จะประกอบด้วย

กลุ่ม Pure Listening ได้แก่ หูฟัง Aurvana in Ear 2 ที่เป็นหูฟังประเภท in-ear และมีคุณสมบัติเด่นในเรื่องการตัดเสียงรบกวนได้ถึง 95% ส่วน EP3NC จะเป็นหูฟังประเภท in-ear ที่มีจุดเด่นอยู่ที่ตัวขับเสียงแบบ Neodynium Magnet ขนาด 9 มิลลิเมตร ซึ่งให้เสียงเบสที่ค่อนข้างลึก พร้อมระบบมอนิเตอร์เสียงสภาพแวดล้อมรอบตัว และระบบประหยัดพลังงาน (ถ่าน AAA 1 ก้อน สามารถอยู่ได้ถึง 100 ชั่วโมง) และหูฟังตัวสุดท้าย รุ่น HS-930i ที่เป็นหูฟังประเภท in-ear โดยเน้นการออกแบบให้สามารถใช้ร่วมกับ Netbook, PC, Laptop พร้อมไมโครโฟนสำหรับใช้ในการสนทนาได้ด้วย

กลุ่ม Pure Music On-The-Go ได้แก่ Zen Style 300 (4, 8, 16GB) และ Zen X-Fi Style (8, 16GB) โดยสินค้าในกลุ่มนี้เป็นอุปกรณ์มีเดียเพลเยอร์ที่มีจุดเด่นอยู่ที่สามารถใช้เล่นภาพถ่ายและวิดีโอได้ ส่วนในรุ่น X-Fi Style จะมีการบรรจุชิป DSP (Digital Signal Processing) X-Fi ไว้ด้วย

สุดท้ายกลุ่ม Pure Wireless Speakers ได้แก่ Creative D100 จะเป็นลำโพงแบบบลูทูธ ที่ทางครีเอทีฟสร้างความต่างจาก Audio Docking ทั่วๆ ไปคือ ใช้การเชื่อมต่อผ่านสัญญาณ Bluetooth (A2DP Stereo Bluetooth) ซึ่งสามารถใช้ได้กับอุปกรณ์ iPod Touch, iPad, iPhone, Mobile Device, Netbook หรือ Laptop ที่รองรับ Bluetooth โดยระยะการใช้งานจะอยู่ที่ราวๆ 10 เมตร ส่วน Creative D200 จะคล้ายกับรุ่น D100 ในเรื่องของสเปก แต่จะมีการเพิ่มระบบและรองรับ apt-X ที่เป็นระบบการถอดรหัสสัญญาณเสียงรูปแบบใหม่ ที่ให้คุณภาพค่อนข้างสูงกว่าการส่งสัญญาณเสียงผ่าน Bluetooth ทั่วไป อีกทั้งยังรองรับ Wireless transmitter ที่มาพร้อมระบบ apt-X สำหรับใช้กับ iPhone/iPod ได้อีกด้วย ส่วนรุ่นสุดท้าย ZiiSound D5 จะถูกออกแบบมาระดับ Audiophile ด้วยวัสดุที่ทำจากไม้และให้เสียงเบสที่ค่อนข้างนุ่ม อีกทั้งยังมาพร้อมระบบ apt-X และสามารถใช้เป็น Docking สำหรับชาร์จไฟ iPhone/iPod ได้ด้วย

สำหรับราคา Creative Aurvana In-Ear 2, EP-3NC และ HS-930i จะอยู่ที่ 3,990 บาท ส่วน Zen Style 300 ความจุ 4GB จะอยู่ที่ 3,190 บาท 8GB อยู่ที่ 3,990 บาท 16GB อยู่ที่ 4,990 บาท และ Zen X-Fi Style 8GB อยู่ที่ 4,990 บาท ส่วน 16GB อยู่ที่ 5,990 บาท

ส่วนราคาของสินค้าในกลุ่ม "Pure Wireless Speakers" Creative D100 จะอยู่ที่ 3,490 บาท D200 อยู่ที่ 5,890 บาทและ ZiiSound D5 จะอยู่ที่ 16,900 บาท

เอชพีส่งพอร์ทโฟลิโอใหม่เจาะ SMB

http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9530000130064




ซ้าย - กาญจนา โชคชัยตระกูลโพธิ์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ Industry Standard Servers (ISS) กลุ่มธุรกิจ เอ็นเตอร์ไพรส์ บิสิเนส บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) และ วงศ์วิวัฒน์ ศิริทัศนกุล ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ StorageWorks กลุ่มธุรกิจ เอ็นเตอร์ไพรส์ บิสิเนส เอชพี

เอชพีเปิดตัวพอร์ทโฟลิโอ ในคอนเซปต์ "Just Right IT" เจาะกลุ่มลูกค้าองค์กรธุรกิจขนาดเล็ก ส่งไมโครเซิร์ฟเวอร์ เน้นบริษัทขนาดเล็กพนักงาน 10-15 คน ขณะเดียวกันเปิดตัวสตอเรจ และซอฟต์แวร์รุ่นใหม่ที่อำนวยความสะดวกให้กลุ่มลูกค้า SMB

กาญจนา โชคชัยตระกูลโพธิ์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ Industry Standard Servers (ISS) กลุ่มธุรกิจ เอ็นเตอร์ไพรส์ บิสิเนส บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) กล่าวว่าพอร์ทโฟลิโอรุ่นใหม่ จะเป็นการขยายตลาดไปสู่กลุ่มธุรกิจขนาดไมโครเซกเมนต์ เอชพีจะเสนอโซลูชั่นที่เหมาะสมกับลูกค้า SMB จากผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถแข่งขันได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

โดยเอชพีเปิดตัวผลิตภัณฑ์ HP ProLiant MicroServer ที่เป็นเซิร์ฟเวอร์ขนาดเล็กกระทัดรัด เหมาะกับองค์กรธุรกิจขนาด 10-15 คน ถือว่าเป็นเซิฟร์เวอร์ขนาดเล็กสุด ที่มีความเสถียรไม่แตกต่างจากรุ่นใหญ่ๆ ทั้งยังประหยัดไฟกว่ากันถึง 50% ในราคาหมื่นต้นๆ ถือว่าเป็นรุ่นที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับตลาด SMB ซึ่งในส่วนนี้เอชพีให้พาร์ทเนอร์เอ็กคลูซีฟกับทางแวลลู ซิสเตมส์เป็นผู้จัดจำหน่าย

กาญจนามองว่า ตลาด SMB ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ขับเคลื่อนประเทศ ซึ่งมีกำลังซื้อตลอดทั้งปี เพื่อให้ธุรกิจสามารถเดินหน้าต่อไป ต่างกับองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ เมื่อมีปัญหาทางสภาวะเศรษฐกิจหรือการเมืองจะชะลอการลงทุนทางด้านไอที

"จากเหตุกาณ์ในช่วงพฤษภาที่ผ่านมา ทำให้เห็นได้ว่ามีบริษัทอีกมากที่ยังต้องพัฒนาในส่วนของการทำงานจากนอกสถานที่ เพื่อไม่ให้ธุรกิจหยุดชะงัก ทำให้เห็นว่าการทำตลาดเจาะกลุ่ม SMB จะเป็นการขยายตลาดให้กับธุรกิจเซิร์ฟเวอร์และสตอเรจได้ในที่สุด"

เอชพียังเปิดตัวอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล HP StorageWorks P2000 G3 รุ่น 10GbE ISCSI ที่มีแบนด์วิธในการเชื่อมต่อข้อมูลสูงขึ้น ส่งผลให้เซิฟร์เวอร์มีความเร็วสูงขึ้นจากรุ่นเดิมถึง 10 เท่า นอกจากนี้ยังมีซอฟต์แวร์สำรองข้อมูลอย่าง HP Data Protection Express 5.0 ที่ช่วยสำรองข้อมูลลงเทป และมีอินเตอร์เฟสที่ง่ายต่อการใช้งานมากขึ้น

วงศ์วิวัฒน์ ศิริทัศนกุล ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ StorageWorks กลุ่มธุรกิจ เอ็นเตอร์ไพรส์ บิสิเนส เอชพีกล่าวถึงการทำงานของสตอเรจ ที่สามารถเชื่อมเข้ากับเซิร์ฟเวอร์ระยะไกลได้ ผ่านซอฟต์แวร์ P4000 Virtual SAN Appliance (VSA) ในการทำเซิร์ฟเวอร์เสมือนโดยไม่ต้องติดตั้งโครงสร้างแบบ SAN

"ซอฟต์แวร์ VSA ทำขึ้นมาเพื่อเสริมการใช้งานให้กับรีโมทออฟฟิศ หรือออฟฟิศที่มีสาขาย่อยซึ่งมีเซิร์ฟเวอร์ตั้งอยู่ ซึ่งตัวซอฟต์แวร์จะทำการบันทึกข้อมูลเสมือนมายังเซิร์ฟเวอร์ส่วนกลางเพื่อบันทึกลงสตอเรจ ทำให้ร้านค้าและองค์กรไม่จำเป็นต้องมีสตอเรจอยู่ในทุกๆสาขา"

ทั้งนี้การเปิดตัวพอร์ทฟอลิโอ "Just Right IT" ส่งผลให้พาร์ทเนอร์ของทางเอชพีทั้งคู่ค้าที่เป็นทั้งดีลเลอร์และร้านค้าปลีก มีโปรดักส์ที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น เซิร์ฟเวอร์ สตอเรจ เน็ตเวิร์ก ทำให้เกิดโซลูชันที่เหมาะสมกับธุรกิจแต่ละประเภท

Update - ไมโครซอฟท์ ปล่อย IE 9 ให้ดาวน์โหลดแล้ววันนี้

http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9530000130872




Update - ไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น ผนึกกำลังพันธมิตรชั้นนำกว่า 70 ราย ประกาศเปิดตัวเว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer 9 เวอร์ชันเบต้าพร้อมกันทั่วโลก พร้อมปล่อยให้ดาวน์โหลดแล้ววันนี้

นางสาวปฐมา จันทรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าเว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer 9 ผนึกความสามารถของวินโดวส์ และเครื่องพีซีเข้าด้วยกัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแสดงผลหน้าเว็บไซต์ อีกทั้งยังมีหน้าตาที่สวยงามมากยิ่งขึ้นด้วย

Internet Explorer 9 ใหม่ มีดีอะไร?

** มีฟีเจอร์เพิ่มมากขึ้น **

ฟีเจอร์สำคัญของ Internet Explorer 9 ที่เพิ่มขึ้นมาจากเดิมได้แก่ Pinned sites ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเว็บไซต์โปรดได้จากทาสก์บาร์โดยไม่ต้องแม้แต่จะเปิดเบราเซอร์ขึ้นมาใหม่, JumpLists เข้าถึงเว็บไซต์ได้อย่างสะดวกและรวดเร็วโดยไม่ต้องเปิดเบราว์เซอร์ โดยจะทำงานร่วมกับฟีเจอร์ Pinned sites ผู้ใช้งานสามารถสร้างอีเมล์ อ่านข้อความในอินบ็อกซ์ เปลี่ยนสถานีเพลง ตอบรับคำขอร้องการเป็นเพื่อน หรืออ่านข่าวล่าสุดได้ทันที

ฟีเจอร์ Tear-off tabs and Windows Aero Snap tabs ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเคลื่อนย้ายแท็บให้แยกออกจากกันได้อย่างง่ายดาย เมื่อทำงานร่วมกับ Windows Aero Snap จะทำให้สามารถเปิดหน้าต่างสองหน้าต่างขนานกันไปได้ ยกตัวอย่างเช่นในขณะที่ผู้ใช้งานกำลังรับชมวิดีโอ ก็สามารถเปิดอ่านอีเมล์ หรือศึกษาแผนที่ในขณะที่อ่านตารางการท่องเที่ยวได้

** ทำงานบนพีซีได้เร็วขึ้น **

เวอร์ชั่นใหม่ของ Internet Explorer นำความสามารถที่เพิ่มขึ้นของฮาร์ดแวร์เครื่องพีซีมาช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของเว็บเบราว์เซอร์ การพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงานของ IE 9 รวมไปถึงการใช้ สคริปต์จักรา หรือ สคริปต์เอนจิ้นรูปแบบใหม่ซึ่งใช้โปรเซสเซอร์แบบมัลติคอร์ในการประมวลผล และช่วยส่งเสริมให้ IE 9 ทำงานได้เร็วกว่า IE 8 ถึง 11 เท่า

ไมโครซอฟต์ระบุว่า IE 9 เป็นเว็บเบราว์เซอร์แรกที่ช่วยเพิ่มความเร็วของฮาร์ดแวร์ โดยควบคุมการทำงานของกราฟิกโปรเซสเซอร์ (GPU) และแบ่งสรรการทำงานด้านกราฟิกมาให้กราฟิกโปรเซสเซอร์แทนที่ซีพียู

** ปลอดภัย และมีความเป็นส่วนตัวสูง **

IE 9 ใช้เทคโนโลยีในการรักษาความปลอดภัย และรักษาความเป็นส่วนตัวแบบ Built-in ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับความปลอดภัยในการท่องอินเทอร์เน็ตยิ่งขึ้น โดยจะมาพร้อมฟีเจอร์ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยขณะท่องอินเทอร์เน็ตอย่าง Download Manager ที่ช่วยกรองมัลแวร์ และ SmartScreen download reputation ช่วยลดคำเตือนที่ไม่จำเป็นออกไปสำหรับไฟล์ที่ใช้งานบ่อย ซึ่งจะช่วยป้องกันมัลแวร์ที่ชอบแผงตัวมาพร้อมกับคำเตือนเหล่านั้น

Add-on Performance Advisor หรือคำแนะนำในการติดตั้งโปรแกรมเสริม จะคอยแจ้งเตือนผู้ใช้งานเมื่อโปรแกรมเสริมทำให้การทำงานของเบราว์เซอร์ช้าลง นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์กู้คืนหน้าเว็บไซต์อัตโนมัติ ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ใช้งานว่าข้อมูลต่างๆ จะไม่สูญหาย และช่วยให้ท่องโลกอินเทอร์เน็ตได้อย่างต่อเนื่อง แม้เว็บไซต์ต่างๆ ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ

** รองรับ HTML5 **

IE 9 รับรองการใช้งาน HTML5, SVG, CSS3, และ COM ซึ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถของเบราว์เซอร์ไปสู่อีกระดับหนึ่ง นั่นหมายความว่านักพัฒนาสามารถเขียนภาษามาร์กอัป (Mark Up) ขึ้นมาเพียงชุดเดียว และทราบได้ว่าผลลัพธ์ในการนำเสนอเว็บไซต์ที่ได้จะเหมือนกันไม่ว่าจะใช้กับเบราว์เซอร์รูปแบบใหม่เบราว์เซอร์ใดก็ตาม

โดยผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดเว็บเบราว์เซอร์เวอร์ชันใหม่จากไมโครซอฟท์ได้ที่ beautyoftheweb

พานาโซนิครับกระแสกล้อง 3 มิติ ปล่อยของครึ่งปีหลัง

http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9530000130951



พานาโซนิคเตรียมรับมือเทศกาลท่องเที่ยวครึ่งปีหลัง ขนกองทัพกล้อง 9 รุ่น ยั่วน้ำลายผู้ซื้อ ชูจุดเด่นการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูง ไม่หวั่นยอดขายกล้องวิดีโอตก แม้กล้องคอมแพ็กต์จะถ่ายวิดีโอได้เทียบเท่า เชื่อผู้บริโภคแต่ละคนมีความต้องการที่แตกต่างกัน พร้อมรับกระแส 3D World ด้วยการเปิดตัวกล้องวิดีโอ 3 มิติ เปลี่ยนเลนส์ได้ตัวแรกของไทย

ฮิโรทากะ มุราคามิ ซีอีโอกลุ่มบริษัทพานาโซนิค ประเทศไทยกล่าวว่า ในครึ่งปีหลังนี้พานาโซนิคเตรียมรับกระแส 3D ที่กำลังร้อนแรงอยู่ในขณะนี้ ด้วยการเปิดตัวกล้องวิดีโอ SDT750 ซึ่งเป็นกล้อง 3มิติ แบบ Full HD ที่ให้ผู้ใช้งานใส่ชุดเลนส์แปลงภาพเป็น 3 มิติเข้าไป มาพร้อมระบบ 3MOS Sensor และเลนส์ Leica ซึ่งจะให้ภาพ 3 มิติที่มีความคมชัด เมื่อแสดงผลบนหน้าจอทีวีความละเอียดสูง

"เราประเดิมตัวแรกด้วยกล้องวิดีโอ SDT750 และในเร็วๆ นี้ จะมีการเปิดตัวทีวี 3มิติ ที่จะทำให้ผู้ใช้งานได้สัมผัสประสบการณ์การรับชมภาพ 3มิติจากพานาโซนิค แบบที่ไม่เคยสัมผัสที่ไหนมาก่อน"

พานาโซนิคยังได้เปิดตัวกล้องดิจิตอลคอมแพ็กที่ออกมาเพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้งานที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น Lumix LX5, FZ100 และ FZ40 กล้องดิจิตอลสำหรับนักถ่ายภาพมืออาชีพ ที่สามารถบันทึกวิดีโอความละเอียดสูง และสามารถปรับค่ารูรับแสง และสปีด ชัตเตอร์ได้เอง เพื่อให้ได้มุมมองภาพที่ต่างกันไป

Lumix FX700 และ FX75 กล้องสำหรับคนรักการถ่ายภาพ ที่มาพร้อมเลนส์ Leica DC Summicron F2.2, Lumix G2 กล้องระบบไมโคร 4/3 ที่มีหน้าจอแบบสัมผัส และใช้ระบบ Verus Engine HD II, Lumix FT10 กล้องสำหรับนักผจญภัย ดำน้ำลึก 3 เมตร กันกระแทก 1.5 เมตร กันฝุ่น และทนต่อความหนาวเย็นที่อุณหภูมิ -10 องศา และ TA1 กล้องวิดีโอแบบพกพาขนาดเล็ก ที่สามารถถ่ายภาพความละเอียด Full HD แล้วอัปโหลดลงคอมพิวเตอร์ เว็บไซต์ได้ทันทีผ่านยูเอสบีในตัว

นายภิญโญ ภิรมย์ฐาน ผู้จัดการผลิตภัณฑ์กล้องภาพนิ่งดิจิตอล และกล้องวิดีโอ บริษัท พานาโซนิค ซิว เซลส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่าในครึ่งปีหลังนี้ ตลาดกล้องดิจิตอลของพานาโซนิคจะเน้นไปที่มีความสามารถบันทึกวิดีโอระดับ HD การถ่ายภาพความเร็วสูง ความสามารถในการถ่ายภาพในที่แสงน้อย กล้องคอมแพ็กต์ทุกรุ่นจะพยายามทำให้ผู้ใช้งานได้ภาพที่มีความคมชัดในทุกๆ การถ่ายภาพ นอกจากนี้พานาโซนิคยังใส่ความสามารถบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงลงในกล้องคอมแพ็กต์ ถึงแม้จะทำให้ยอดจำหน่ายกล้องวิดีโอ แคมคอร์เดอร์ของพานาโซนิคลดลง 10% เมื่อเทียบกับปี 52 ก็ตาม

ภิญโญกล่าวว่าเชื่อว่าผู้บริโภคแต่ละรายมีความต้องการสินค้าในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ซึ่งกล้องแบบ Stand Alone จะสามารถทำงานในรูปแบบนั้นๆ ได้ดีกว่ากล้องแบบ All-in-One พานาโซนิคจึงพยายามผลิตกล้องวิดีโอให้มีคุณภาพสูงขึ้น และมีฟีเจอร์การใช้งานเฉพาะให้สูงขึ้นด้วย

"แนวโน้มตลาดรวมกล้องดิจิตอลในประเทศไทยจะเพิ่มสูงขึ้น 20% จากเดิมเมื่อปี 52 มี 1ล้านตัว ในปี 53 คาดการณ์ว่าจะมีมากถึง 1.2 ล้านตัว โดยแบ่งเป็นกล้อง D-SLR 7% ที่เหลือจะเป็นกล้องคอมแพ็กต์"

ทั้งนี้การแข่งขันในตลาดกล้องดิจิตอลช่วง 4 เดือนสุดท้าย จะร้อนแรงมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นช่วง High Season โดยพานาโซนิคจะเน้นทำตลาดแบบออนไลน์มากขึ้น เพราะมองว่าเป็นวิธีที่เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่าย และรวดเร็วที่สุดในยุคปัจจุบัน

"ปี 53 นี้เราตั้งเป้าจะมีส่วนแบ่งในตลาดรวมกล้องดิจิตอลเพิ่มเป็น 10% จากปี 52 ที่มีเพียง 6-7%"

iFox เปิดตัว Air Card โฉมใหม่ 2 รุ่น

http://www.manager.co.th/cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9530000130063






Edited - iFox ตั้งเป้าขึ้นแท่นผู้นำตลาด Air Card 3G คาดยอดขายปีนี้ทะลุ 100,000 เครื่อง เปิดตัว 2 รุ่นใหม่ HSPA-621 Rx และ HSPA-615 Rx พร้อม Router MiFi 30 โชว์เทคโนโลยีใหม่ Rx-Diversity รับสัญญาณด้วยประสิทธิภาพสูงสุด

นายอมรศักดิ์ แดงแสงทอง รองประธานฝ่ายการตลาด บริษัท ดีพลัส เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) ผู้ผลิตและจำหน่ายแอร์การ์ด 3G แบรนด์ iFox กล่าวว่า ภาพรวมตลาดแอร์การ์ด 3G มีการขยายตัวเป็นอย่างมาก เนื่องจากความต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงแบบไร้สายในพื้นที่ต่างๆ ตลอดจนการใช้งานแบบนอกสถานที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะเดียวกันการที่เครือข่าย 3G สามารถใช้งานได้ครอบคลุมในหลายพื้นที่ ทำให้ผู้ใช้งานมีการปรับเปลี่ยนการใช้งานแอร์การ์ดเข้าสู่ระบบ 3G เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

iFox เปิดตัว แอร์การ์ด 3G ใหม่ 2 รุ่นคือรุ่น HSPA-621 Rx กับ HSPA-615 Rx และ เปิดตัว iFox Router MiFi30 โดยแอร์การ์ดรุ่นใหม่ ได้มีการนำเทคโนโลยีล่าสุดที่เรียกว่า Rx-Diversity ซึ่งมีการพัฒนาเสาสัญญาณของอุปกรณ์แอร์การ์ดเพิ่มเป็น 2 เสา ทำหน้าที่ในการรับสัญญาณ และประมวลผลรับสัญญาณที่ดีกว่าในการเชื่อมต่อ เพื่อประสิทธิภาพในการใช้งานอินเตอร์เน็ตในระบบ 3G ให้มีความสมบรูณ์แบบยิ่งขึ้น

HSPA-621 Rx และ HSPA-615 Rx มีความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุดถึง 7.2 Mbps. และอัพโหลดสูงสุด 5.76 Mbps. มี Driverในตัวง่ายต่อการใช้งาน และรองรับระบบปฏิบัติการทั้ง windows 2000/2003, windows XP, Vista windows 7, MAC OS โดย HSPA-621 Rx สามารถรองรับ 3G ในย่านความถี่ 850 และ 2100 เมกะเฮิรตซ์ ส่วน HSPA-615 Rx จะรองรับ 3G ในระบบ 900 และ 2100 เมกะเฮิรตซ์ ส่วน Router รุ่น MiFi 30 มีคุณสมบัติพิเศษเป็น WiFi Hotspot เชื่อมต่อได้ถึง 5 เครื่องพร้อมๆกัน รองรับ 3G ในระบบ 850 และ 2100 เมกะเฮิรตซ์และมีแบตเตอรี่ในตัว สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 5 ชั่วโมง

ทั้งนี้ iFox วางเป้าหมายเป็นผู้นำในตลาดแอร์การ์ด ซึ่งตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนส.ค.ที่ผ่านมามียอดขายแอร์การ์ดประมาณ 72,000 เครื่อง และคาดว่าทั้งปีจะมียอดจำหน่ายรวมกันมากกว่า 100,000 เครื่อง ขณะส่วนแบ่งการตลาดในปัจจุบันของ iFox ถือว่าเป็นอันดับ 1อยู่ที่ประมาณ 45% หากไม่นับโอเปเรเตอร์มือถือ

ส่วนแผนการตลาดจะเน้นการทำกิจกรรมกับผู้บริโภคเพื่อแนะนำการใช้งานที่ง่ายและมีประสิทธิภาพของ แอร์การ์ด 3G และ Router ในพื้นที่ต่างๆ ที่สามารถใช้งานโครงข่าย 3G ได้ อาทิ ชลบุรี เชียงใหม่ ภูเก็ต และนครราชสีมา ขณะเดียวกันจะมีการจัดโปรโมชั่นราคาพิเศษพร้อมด้วยกิจกรรมที่เข้ามาถึง Life Style ของผู้บริโภคในพื้นที่นั้นๆ