วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2553

โนเกียไม่ถอย โชว์สมาร์ทโฟนใหม่ 3 รุ่น

http://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9530000129700

โนเกีย (Nokia) เปิดตัวสมาร์ทโฟน 3 รุ่นใหม่กลางงาน Nokia World 2010 ได้แก่รุ่นรุกนักธุรกิจ Nokia E7 พร้อมด้วยรุ่นเอาใจคอนซูเมอร์กระเป๋าหนัก Nokia C7 และกระเป๋าเบากว่า Nokia C6 ทั้งหมดมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Symbian^3 OS ระบบปฏิบัติการที่โนเกียจะเปิดศักราชอย่างเต็มตัวในปีนี้ด้วย Nokia N8

** Nokia E7 **




จุดเด่นของ Nokia E7 คือการมาพร้อมหน้าจอ AMOLED ระบบสัมผัส capacitive ขนาด 4 นิ้วความละเอียด 640x360 มีคีย์บอร์ดสไลด์ข้าง หน่วยความจำภายใน 16GB RAM ขนาด 256MB กล้องดิจิตอล 8 ล้านพิกเซลพร้อมแฟลช LED คู่ซึ่งสามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดสูง 720p มีช่องต่อยูเอสบีความเร็วสูง Bluetooth 3.0 รองรับ GPS และเครือข่ายไร้สายไว-ไฟ 802.11 b/g/n มีช่องต่อ HDMI out สำหรับเชื่อมต่อทีวีเพื่อเล่นวิดีโอความละเอียดสูง พร้อมพอร์ทไมโคร USB 2.0

Nokia E7 ถูกการันตีว่าจะสามารถสนทนาต่อเนื่องบนเครือข่าย GSM ได้นาน 9 ชั่วโมง แต่บนเครือข่าย WCDMA จะสนทนาต่อเนื่องได้นาน 5 ชั่วโมง มี 5 สีให้เลือกคือเทาเข้ม ขาวเงิน เขียวสดใส ฟ้าเจิดจ้า และส้มสว่าง สนนราคาจำหน่ายในยุโรป 637 เหรียญ (ราว 19,651 บาท)

** Nokia C7 **



นี่คือสมาร์ทโฟนเพื่อชาวเครือข่ายสังคมรุ่นล่าสุดของโนเกีย C7 มาพร้อมทางเข้าเฟสบุ๊ก ทวิตเตอร์ และบริการเมลออนไลน์ไว้บนโฮมสกรีน หน้าจอ C7 เป็นจอ AMOLED ทัชสกรีนเหมือน E7 แต่มีขนาดเล็กกว่า 3.5 นิ้ว ความละเอียด 640x360 ขนาดบางเฉียบ 0.41 นิ้ว หนากว่า iPhone 4 ซึ่งบาง 0.37 นิ้วเพียงเล็กน้อย
เช่นเดียวกับ E7 โนเกียให้กล้องดิจิตอลความละเอียด 8 ล้านพิกเซลใน C7 พร้อมแฟลช LED คู่และสามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดสูง 720p ได้ เวลาสนทนาต่อเนื่อง 5-9 ชั่วโมง รองรับ Bluetooth 3.0, GPS และเครือข่ายไร้สาย 802.11b/g/n ความจุหน่วยความจำ 8GB สามารถเสียบการ์ด microSD เพื่อเพิ่มเนื้อที่เก็บข้อมูลได้สูงสุดอีก 32GB ซึ่งจะทำให้สามารถเก็บข้อมูลได้ 40GB มีให้เลือก 3 สี คือดำ เงินโลหะ และ
น้ำตาลมะฮอกกานี สนนราคาในยุโรป 430 เหรียญสหรัฐ (ราว 13,218 บาท)

** Nokia C6 **




Nokia C6 ถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นเล็กที่สุดในบรรดาทัพสมาร์ทโฟนที่โนเกียเข็นออกมาเพื่อทำตลาดระบบปฏิบัติการ Symbian^3 OS มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 3.2 นิ้ว ความละเอียด 640x360 มีกล้องหน้าเพื่อทำวิดีโอคอลล์ และกล้องหลัง 8 ล้านพิกเซลเพื่อภาพถ่ายคมชัด แฟลช LED คู่ สามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดสูง 720p ดิจิตอลซูม 2X หน่วยความจำภาย
ใน 340 MB รองรับ microSD การ์ดเพิ่มความจุได้อีก 32GB รองรับ GPS, 802.11b/g/n และ Bluetooth 3.0
โนเกียการันตีว่า C6 มีเวลาสนทนาต่อเนื่อง 11.5 ชั่วโมงบนเครือข่าย GSM มีสีดำและเทาเงิน สนนราคา 335 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 10,334 บาท)

ทั้ง 3 รุ่นยังไม่มีข้อมูลการจำหน่ายในภูมิภาคอื่น โดยล่าสุด การสำรวจจากบริษัท IDC พบว่า ส่วนแบ่งการตลาดของโนเกียในตลาดสมาร์ทโฟนโลกนั้นอยู่ที่ 24% (ข้อมูลเดือนเมษายนถึงมิถุนายน 2010) แสดงให้เห็นถึงเก้าอี้ผู้นำในสมาร์ทโฟนของโนเกียกำลังสั่นคลอนอย่างเห็นได้ชัด



ซีเกทจับมือซัมซุงพัฒนา SSD

http://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9530000116470


ซีเกท เทคโนโลยี ผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์และโซลูชันสำหรับจัดเก็บข้อมูล จับมือกับ ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ จำกัด ผู้นำด้านเทคโนโลยีหน่วยความจำรุ่นใหม่ ในการพัฒนาเทคโนโลยีคอนโทรลเลอร์สำหรับอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลประเภทโซลิดสเตทไดร์ฟ

ความร่วมมือดังกล่าวจะทำให้เทคโนโลยี Solid State Drive (SSD) ของแต่ละบริษัทมีการพัฒนาเพิ่มขึ้นจากการผสานการจัดเก็บข้อมูลในองค์กรของซีเกทกับเทคโนโลยี Flash Memory ใน MLC NAND class 30nm ของซัมซุง เพื่อนำไปใช้ในไดรฟ์โซลิดสเตทสำหรับองค์กรของซีเกท

นายสตีฟ ลุคโซ่ ประธานกรรมการ ประธานบริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของซีเกท กล่าวว่า ซีเกทยอมรับว่ามานานแล้วว่า เทคโนโลยีโซลิดสเตทมีบทบาทสำคัญต่อโซลูชัน ของอุตสาหกรรมการจัดเก็บข้อมูลในปัจจุบันและในอนาคต โดยเฉพาะในตลาดองค์กร

"การบรรลุข้อตกลงกับซัมซุงในวันนี้จะช่วยให้เรานำนวัตกรรมของโซลิดสเตทไดรฟ์เข้าสู่ตลาดจัดเก็บข้อมูลขององค์กร ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพ ความทนทานและความน่าเชื่อถือ รวมถึงการลดค่าใช้จ่ายและการเพิ่มความจุ"

โดยข้อตกลงกับซัมซุงช่วยเสริมความแข็งแกร่งของกลยุทธ์ในการดำเนินงานเกี่ยวกับโซลูชันโซลิดสเตทไดรฟ์ของซีเกท เนื่องจากความต้องการในการจัดเก็บข้อมูลทั่วโลกยังมีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง

ดร. ชางยุน คิม รองประธานอาวุโสและกรรมการอาวุโส ฝ่ายวางแผนผลิตภัณฑ์และวิศวกรรมระบบปฏิบัติการหน่วยความจำ ธุรกิจเซมิคอนดัคเตอร์ ของบริษัท ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ กล่าวว่า ซัมซุงมีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับซีเกทในการพัฒนาคอนโทรลเลอร์สำหรับโซลิดสเตทไดรฟ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับตลาดจัดเก็บข้อมูลขององค์กร

"เชื่อว่าโซลูชันหน่วยความจำที่ช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้รับการออกแบบเพื่อให้การทำงานของเครื่องแม่ข่ายใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และคาดว่าจะช่วยเพิ่มปริมาณการใช้ งานการจัดเก็บข้อมูลบนพื้นฐาน NAND ในระบบปฏิบัติการองค์กร"

ครีเอทีฟ ส่ง "Pure Music" เอาใจนักฟังเพลงทุกระดับ








ครีเอทีฟส่งสินค้าในกลุ่ม "Pure Music" ลงตลาดในไทย 8 รุ่น พร้อมเปิดตัวนวัตกรรมการฟังเพลงครั้งใหม่ด้วยสินค้าในกลุ่ม "Pure Wireless Speaker" เพิ่มความสะดวกสบายในการรับฟังเพลงผ่านอุปกรณ์มือถือและมีเดียเพลเยอร์ด้วยเทคโนโลยี apt-X (Bluetooth)

นายพอล เซี่ยว ผู้จัดการฝ่ายขายประจำภูมิภาคอาเซียนของครีเอทีฟ กล่าวว่า สินค้าในกลุ่ม "Pure Music" จะเน้นจับกลุ่มไปทางนักฟังเพลงเป็นหลัก ซึ่งทางครีเอทีฟได้แบ่งกลุ่ม "Prue Music" ออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ Pure Listening เน้นไปทางหูฟังสำหรับใช้กับเครื่องเล่นเอ็มพี 3 และโทรศัพท์มือถือ Pure Music On-The-Go เน้นไปทางเครื่องเล่นมีเดียเพลเยอร์ และ Pure Wireless Speakers เน้นไปทางกลุ่มลำโพงบลูทูธ ซึ่งออกแบบมาใช้กับอุปกรณ์จำพวก iPhone, iPod Touch และ Mobile Device ที่รองรับระบบ Bluetooth เป็นหลัก

สำหรับในส่วนของรายละเอียดสินค้าทั้ง 8 รุ่น ที่ถูกแยกตามกลุ่มต่างๆ จะประกอบด้วย

กลุ่ม Pure Listening ได้แก่ หูฟัง Aurvana in Ear 2 ที่เป็นหูฟังประเภท in-ear และมีคุณสมบัติเด่นในเรื่องการตัดเสียงรบกวนได้ถึง 95% ส่วน EP3NC จะเป็นหูฟังประเภท in-ear ที่มีจุดเด่นอยู่ที่ตัวขับเสียงแบบ Neodynium Magnet ขนาด 9 มิลลิเมตร ซึ่งให้เสียงเบสที่ค่อนข้างลึก พร้อมระบบมอนิเตอร์เสียงสภาพแวดล้อมรอบตัว และระบบประหยัดพลังงาน (ถ่าน AAA 1 ก้อน สามารถอยู่ได้ถึง 100 ชั่วโมง) และหูฟังตัวสุดท้าย รุ่น HS-930i ที่เป็นหูฟังประเภท in-ear โดยเน้นการออกแบบให้สามารถใช้ร่วมกับ Netbook, PC, Laptop พร้อมไมโครโฟนสำหรับใช้ในการสนทนาได้ด้วย

กลุ่ม Pure Music On-The-Go ได้แก่ Zen Style 300 (4, 8, 16GB) และ Zen X-Fi Style (8, 16GB) โดยสินค้าในกลุ่มนี้เป็นอุปกรณ์มีเดียเพลเยอร์ที่มีจุดเด่นอยู่ที่สามารถใช้เล่นภาพถ่ายและวิดีโอได้ ส่วนในรุ่น X-Fi Style จะมีการบรรจุชิป DSP (Digital Signal Processing) X-Fi ไว้ด้วย

สุดท้ายกลุ่ม Pure Wireless Speakers ได้แก่ Creative D100 จะเป็นลำโพงแบบบลูทูธ ที่ทางครีเอทีฟสร้างความต่างจาก Audio Docking ทั่วๆ ไปคือ ใช้การเชื่อมต่อผ่านสัญญาณ Bluetooth (A2DP Stereo Bluetooth) ซึ่งสามารถใช้ได้กับอุปกรณ์ iPod Touch, iPad, iPhone, Mobile Device, Netbook หรือ Laptop ที่รองรับ Bluetooth โดยระยะการใช้งานจะอยู่ที่ราวๆ 10 เมตร ส่วน Creative D200 จะคล้ายกับรุ่น D100 ในเรื่องของสเปก แต่จะมีการเพิ่มระบบและรองรับ apt-X ที่เป็นระบบการถอดรหัสสัญญาณเสียงรูปแบบใหม่ ที่ให้คุณภาพค่อนข้างสูงกว่าการส่งสัญญาณเสียงผ่าน Bluetooth ทั่วไป อีกทั้งยังรองรับ Wireless transmitter ที่มาพร้อมระบบ apt-X สำหรับใช้กับ iPhone/iPod ได้อีกด้วย ส่วนรุ่นสุดท้าย ZiiSound D5 จะถูกออกแบบมาระดับ Audiophile ด้วยวัสดุที่ทำจากไม้และให้เสียงเบสที่ค่อนข้างนุ่ม อีกทั้งยังมาพร้อมระบบ apt-X และสามารถใช้เป็น Docking สำหรับชาร์จไฟ iPhone/iPod ได้ด้วย

สำหรับราคา Creative Aurvana In-Ear 2, EP-3NC และ HS-930i จะอยู่ที่ 3,990 บาท ส่วน Zen Style 300 ความจุ 4GB จะอยู่ที่ 3,190 บาท 8GB อยู่ที่ 3,990 บาท 16GB อยู่ที่ 4,990 บาท และ Zen X-Fi Style 8GB อยู่ที่ 4,990 บาท ส่วน 16GB อยู่ที่ 5,990 บาท

ส่วนราคาของสินค้าในกลุ่ม "Pure Wireless Speakers" Creative D100 จะอยู่ที่ 3,490 บาท D200 อยู่ที่ 5,890 บาทและ ZiiSound D5 จะอยู่ที่ 16,900 บาท

เอชพีส่งพอร์ทโฟลิโอใหม่เจาะ SMB

http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9530000130064




ซ้าย - กาญจนา โชคชัยตระกูลโพธิ์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ Industry Standard Servers (ISS) กลุ่มธุรกิจ เอ็นเตอร์ไพรส์ บิสิเนส บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) และ วงศ์วิวัฒน์ ศิริทัศนกุล ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ StorageWorks กลุ่มธุรกิจ เอ็นเตอร์ไพรส์ บิสิเนส เอชพี

เอชพีเปิดตัวพอร์ทโฟลิโอ ในคอนเซปต์ "Just Right IT" เจาะกลุ่มลูกค้าองค์กรธุรกิจขนาดเล็ก ส่งไมโครเซิร์ฟเวอร์ เน้นบริษัทขนาดเล็กพนักงาน 10-15 คน ขณะเดียวกันเปิดตัวสตอเรจ และซอฟต์แวร์รุ่นใหม่ที่อำนวยความสะดวกให้กลุ่มลูกค้า SMB

กาญจนา โชคชัยตระกูลโพธิ์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ Industry Standard Servers (ISS) กลุ่มธุรกิจ เอ็นเตอร์ไพรส์ บิสิเนส บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) กล่าวว่าพอร์ทโฟลิโอรุ่นใหม่ จะเป็นการขยายตลาดไปสู่กลุ่มธุรกิจขนาดไมโครเซกเมนต์ เอชพีจะเสนอโซลูชั่นที่เหมาะสมกับลูกค้า SMB จากผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถแข่งขันได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

โดยเอชพีเปิดตัวผลิตภัณฑ์ HP ProLiant MicroServer ที่เป็นเซิร์ฟเวอร์ขนาดเล็กกระทัดรัด เหมาะกับองค์กรธุรกิจขนาด 10-15 คน ถือว่าเป็นเซิฟร์เวอร์ขนาดเล็กสุด ที่มีความเสถียรไม่แตกต่างจากรุ่นใหญ่ๆ ทั้งยังประหยัดไฟกว่ากันถึง 50% ในราคาหมื่นต้นๆ ถือว่าเป็นรุ่นที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับตลาด SMB ซึ่งในส่วนนี้เอชพีให้พาร์ทเนอร์เอ็กคลูซีฟกับทางแวลลู ซิสเตมส์เป็นผู้จัดจำหน่าย

กาญจนามองว่า ตลาด SMB ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ขับเคลื่อนประเทศ ซึ่งมีกำลังซื้อตลอดทั้งปี เพื่อให้ธุรกิจสามารถเดินหน้าต่อไป ต่างกับองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ เมื่อมีปัญหาทางสภาวะเศรษฐกิจหรือการเมืองจะชะลอการลงทุนทางด้านไอที

"จากเหตุกาณ์ในช่วงพฤษภาที่ผ่านมา ทำให้เห็นได้ว่ามีบริษัทอีกมากที่ยังต้องพัฒนาในส่วนของการทำงานจากนอกสถานที่ เพื่อไม่ให้ธุรกิจหยุดชะงัก ทำให้เห็นว่าการทำตลาดเจาะกลุ่ม SMB จะเป็นการขยายตลาดให้กับธุรกิจเซิร์ฟเวอร์และสตอเรจได้ในที่สุด"

เอชพียังเปิดตัวอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล HP StorageWorks P2000 G3 รุ่น 10GbE ISCSI ที่มีแบนด์วิธในการเชื่อมต่อข้อมูลสูงขึ้น ส่งผลให้เซิฟร์เวอร์มีความเร็วสูงขึ้นจากรุ่นเดิมถึง 10 เท่า นอกจากนี้ยังมีซอฟต์แวร์สำรองข้อมูลอย่าง HP Data Protection Express 5.0 ที่ช่วยสำรองข้อมูลลงเทป และมีอินเตอร์เฟสที่ง่ายต่อการใช้งานมากขึ้น

วงศ์วิวัฒน์ ศิริทัศนกุล ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ StorageWorks กลุ่มธุรกิจ เอ็นเตอร์ไพรส์ บิสิเนส เอชพีกล่าวถึงการทำงานของสตอเรจ ที่สามารถเชื่อมเข้ากับเซิร์ฟเวอร์ระยะไกลได้ ผ่านซอฟต์แวร์ P4000 Virtual SAN Appliance (VSA) ในการทำเซิร์ฟเวอร์เสมือนโดยไม่ต้องติดตั้งโครงสร้างแบบ SAN

"ซอฟต์แวร์ VSA ทำขึ้นมาเพื่อเสริมการใช้งานให้กับรีโมทออฟฟิศ หรือออฟฟิศที่มีสาขาย่อยซึ่งมีเซิร์ฟเวอร์ตั้งอยู่ ซึ่งตัวซอฟต์แวร์จะทำการบันทึกข้อมูลเสมือนมายังเซิร์ฟเวอร์ส่วนกลางเพื่อบันทึกลงสตอเรจ ทำให้ร้านค้าและองค์กรไม่จำเป็นต้องมีสตอเรจอยู่ในทุกๆสาขา"

ทั้งนี้การเปิดตัวพอร์ทฟอลิโอ "Just Right IT" ส่งผลให้พาร์ทเนอร์ของทางเอชพีทั้งคู่ค้าที่เป็นทั้งดีลเลอร์และร้านค้าปลีก มีโปรดักส์ที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น เซิร์ฟเวอร์ สตอเรจ เน็ตเวิร์ก ทำให้เกิดโซลูชันที่เหมาะสมกับธุรกิจแต่ละประเภท

Update - ไมโครซอฟท์ ปล่อย IE 9 ให้ดาวน์โหลดแล้ววันนี้

http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9530000130872




Update - ไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น ผนึกกำลังพันธมิตรชั้นนำกว่า 70 ราย ประกาศเปิดตัวเว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer 9 เวอร์ชันเบต้าพร้อมกันทั่วโลก พร้อมปล่อยให้ดาวน์โหลดแล้ววันนี้

นางสาวปฐมา จันทรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าเว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer 9 ผนึกความสามารถของวินโดวส์ และเครื่องพีซีเข้าด้วยกัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแสดงผลหน้าเว็บไซต์ อีกทั้งยังมีหน้าตาที่สวยงามมากยิ่งขึ้นด้วย

Internet Explorer 9 ใหม่ มีดีอะไร?

** มีฟีเจอร์เพิ่มมากขึ้น **

ฟีเจอร์สำคัญของ Internet Explorer 9 ที่เพิ่มขึ้นมาจากเดิมได้แก่ Pinned sites ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเว็บไซต์โปรดได้จากทาสก์บาร์โดยไม่ต้องแม้แต่จะเปิดเบราเซอร์ขึ้นมาใหม่, JumpLists เข้าถึงเว็บไซต์ได้อย่างสะดวกและรวดเร็วโดยไม่ต้องเปิดเบราว์เซอร์ โดยจะทำงานร่วมกับฟีเจอร์ Pinned sites ผู้ใช้งานสามารถสร้างอีเมล์ อ่านข้อความในอินบ็อกซ์ เปลี่ยนสถานีเพลง ตอบรับคำขอร้องการเป็นเพื่อน หรืออ่านข่าวล่าสุดได้ทันที

ฟีเจอร์ Tear-off tabs and Windows Aero Snap tabs ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเคลื่อนย้ายแท็บให้แยกออกจากกันได้อย่างง่ายดาย เมื่อทำงานร่วมกับ Windows Aero Snap จะทำให้สามารถเปิดหน้าต่างสองหน้าต่างขนานกันไปได้ ยกตัวอย่างเช่นในขณะที่ผู้ใช้งานกำลังรับชมวิดีโอ ก็สามารถเปิดอ่านอีเมล์ หรือศึกษาแผนที่ในขณะที่อ่านตารางการท่องเที่ยวได้

** ทำงานบนพีซีได้เร็วขึ้น **

เวอร์ชั่นใหม่ของ Internet Explorer นำความสามารถที่เพิ่มขึ้นของฮาร์ดแวร์เครื่องพีซีมาช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของเว็บเบราว์เซอร์ การพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงานของ IE 9 รวมไปถึงการใช้ สคริปต์จักรา หรือ สคริปต์เอนจิ้นรูปแบบใหม่ซึ่งใช้โปรเซสเซอร์แบบมัลติคอร์ในการประมวลผล และช่วยส่งเสริมให้ IE 9 ทำงานได้เร็วกว่า IE 8 ถึง 11 เท่า

ไมโครซอฟต์ระบุว่า IE 9 เป็นเว็บเบราว์เซอร์แรกที่ช่วยเพิ่มความเร็วของฮาร์ดแวร์ โดยควบคุมการทำงานของกราฟิกโปรเซสเซอร์ (GPU) และแบ่งสรรการทำงานด้านกราฟิกมาให้กราฟิกโปรเซสเซอร์แทนที่ซีพียู

** ปลอดภัย และมีความเป็นส่วนตัวสูง **

IE 9 ใช้เทคโนโลยีในการรักษาความปลอดภัย และรักษาความเป็นส่วนตัวแบบ Built-in ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับความปลอดภัยในการท่องอินเทอร์เน็ตยิ่งขึ้น โดยจะมาพร้อมฟีเจอร์ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยขณะท่องอินเทอร์เน็ตอย่าง Download Manager ที่ช่วยกรองมัลแวร์ และ SmartScreen download reputation ช่วยลดคำเตือนที่ไม่จำเป็นออกไปสำหรับไฟล์ที่ใช้งานบ่อย ซึ่งจะช่วยป้องกันมัลแวร์ที่ชอบแผงตัวมาพร้อมกับคำเตือนเหล่านั้น

Add-on Performance Advisor หรือคำแนะนำในการติดตั้งโปรแกรมเสริม จะคอยแจ้งเตือนผู้ใช้งานเมื่อโปรแกรมเสริมทำให้การทำงานของเบราว์เซอร์ช้าลง นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์กู้คืนหน้าเว็บไซต์อัตโนมัติ ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ใช้งานว่าข้อมูลต่างๆ จะไม่สูญหาย และช่วยให้ท่องโลกอินเทอร์เน็ตได้อย่างต่อเนื่อง แม้เว็บไซต์ต่างๆ ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ

** รองรับ HTML5 **

IE 9 รับรองการใช้งาน HTML5, SVG, CSS3, และ COM ซึ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถของเบราว์เซอร์ไปสู่อีกระดับหนึ่ง นั่นหมายความว่านักพัฒนาสามารถเขียนภาษามาร์กอัป (Mark Up) ขึ้นมาเพียงชุดเดียว และทราบได้ว่าผลลัพธ์ในการนำเสนอเว็บไซต์ที่ได้จะเหมือนกันไม่ว่าจะใช้กับเบราว์เซอร์รูปแบบใหม่เบราว์เซอร์ใดก็ตาม

โดยผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดเว็บเบราว์เซอร์เวอร์ชันใหม่จากไมโครซอฟท์ได้ที่ beautyoftheweb

พานาโซนิครับกระแสกล้อง 3 มิติ ปล่อยของครึ่งปีหลัง

http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9530000130951



พานาโซนิคเตรียมรับมือเทศกาลท่องเที่ยวครึ่งปีหลัง ขนกองทัพกล้อง 9 รุ่น ยั่วน้ำลายผู้ซื้อ ชูจุดเด่นการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูง ไม่หวั่นยอดขายกล้องวิดีโอตก แม้กล้องคอมแพ็กต์จะถ่ายวิดีโอได้เทียบเท่า เชื่อผู้บริโภคแต่ละคนมีความต้องการที่แตกต่างกัน พร้อมรับกระแส 3D World ด้วยการเปิดตัวกล้องวิดีโอ 3 มิติ เปลี่ยนเลนส์ได้ตัวแรกของไทย

ฮิโรทากะ มุราคามิ ซีอีโอกลุ่มบริษัทพานาโซนิค ประเทศไทยกล่าวว่า ในครึ่งปีหลังนี้พานาโซนิคเตรียมรับกระแส 3D ที่กำลังร้อนแรงอยู่ในขณะนี้ ด้วยการเปิดตัวกล้องวิดีโอ SDT750 ซึ่งเป็นกล้อง 3มิติ แบบ Full HD ที่ให้ผู้ใช้งานใส่ชุดเลนส์แปลงภาพเป็น 3 มิติเข้าไป มาพร้อมระบบ 3MOS Sensor และเลนส์ Leica ซึ่งจะให้ภาพ 3 มิติที่มีความคมชัด เมื่อแสดงผลบนหน้าจอทีวีความละเอียดสูง

"เราประเดิมตัวแรกด้วยกล้องวิดีโอ SDT750 และในเร็วๆ นี้ จะมีการเปิดตัวทีวี 3มิติ ที่จะทำให้ผู้ใช้งานได้สัมผัสประสบการณ์การรับชมภาพ 3มิติจากพานาโซนิค แบบที่ไม่เคยสัมผัสที่ไหนมาก่อน"

พานาโซนิคยังได้เปิดตัวกล้องดิจิตอลคอมแพ็กที่ออกมาเพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้งานที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น Lumix LX5, FZ100 และ FZ40 กล้องดิจิตอลสำหรับนักถ่ายภาพมืออาชีพ ที่สามารถบันทึกวิดีโอความละเอียดสูง และสามารถปรับค่ารูรับแสง และสปีด ชัตเตอร์ได้เอง เพื่อให้ได้มุมมองภาพที่ต่างกันไป

Lumix FX700 และ FX75 กล้องสำหรับคนรักการถ่ายภาพ ที่มาพร้อมเลนส์ Leica DC Summicron F2.2, Lumix G2 กล้องระบบไมโคร 4/3 ที่มีหน้าจอแบบสัมผัส และใช้ระบบ Verus Engine HD II, Lumix FT10 กล้องสำหรับนักผจญภัย ดำน้ำลึก 3 เมตร กันกระแทก 1.5 เมตร กันฝุ่น และทนต่อความหนาวเย็นที่อุณหภูมิ -10 องศา และ TA1 กล้องวิดีโอแบบพกพาขนาดเล็ก ที่สามารถถ่ายภาพความละเอียด Full HD แล้วอัปโหลดลงคอมพิวเตอร์ เว็บไซต์ได้ทันทีผ่านยูเอสบีในตัว

นายภิญโญ ภิรมย์ฐาน ผู้จัดการผลิตภัณฑ์กล้องภาพนิ่งดิจิตอล และกล้องวิดีโอ บริษัท พานาโซนิค ซิว เซลส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่าในครึ่งปีหลังนี้ ตลาดกล้องดิจิตอลของพานาโซนิคจะเน้นไปที่มีความสามารถบันทึกวิดีโอระดับ HD การถ่ายภาพความเร็วสูง ความสามารถในการถ่ายภาพในที่แสงน้อย กล้องคอมแพ็กต์ทุกรุ่นจะพยายามทำให้ผู้ใช้งานได้ภาพที่มีความคมชัดในทุกๆ การถ่ายภาพ นอกจากนี้พานาโซนิคยังใส่ความสามารถบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงลงในกล้องคอมแพ็กต์ ถึงแม้จะทำให้ยอดจำหน่ายกล้องวิดีโอ แคมคอร์เดอร์ของพานาโซนิคลดลง 10% เมื่อเทียบกับปี 52 ก็ตาม

ภิญโญกล่าวว่าเชื่อว่าผู้บริโภคแต่ละรายมีความต้องการสินค้าในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ซึ่งกล้องแบบ Stand Alone จะสามารถทำงานในรูปแบบนั้นๆ ได้ดีกว่ากล้องแบบ All-in-One พานาโซนิคจึงพยายามผลิตกล้องวิดีโอให้มีคุณภาพสูงขึ้น และมีฟีเจอร์การใช้งานเฉพาะให้สูงขึ้นด้วย

"แนวโน้มตลาดรวมกล้องดิจิตอลในประเทศไทยจะเพิ่มสูงขึ้น 20% จากเดิมเมื่อปี 52 มี 1ล้านตัว ในปี 53 คาดการณ์ว่าจะมีมากถึง 1.2 ล้านตัว โดยแบ่งเป็นกล้อง D-SLR 7% ที่เหลือจะเป็นกล้องคอมแพ็กต์"

ทั้งนี้การแข่งขันในตลาดกล้องดิจิตอลช่วง 4 เดือนสุดท้าย จะร้อนแรงมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นช่วง High Season โดยพานาโซนิคจะเน้นทำตลาดแบบออนไลน์มากขึ้น เพราะมองว่าเป็นวิธีที่เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่าย และรวดเร็วที่สุดในยุคปัจจุบัน

"ปี 53 นี้เราตั้งเป้าจะมีส่วนแบ่งในตลาดรวมกล้องดิจิตอลเพิ่มเป็น 10% จากปี 52 ที่มีเพียง 6-7%"

iFox เปิดตัว Air Card โฉมใหม่ 2 รุ่น

http://www.manager.co.th/cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9530000130063






Edited - iFox ตั้งเป้าขึ้นแท่นผู้นำตลาด Air Card 3G คาดยอดขายปีนี้ทะลุ 100,000 เครื่อง เปิดตัว 2 รุ่นใหม่ HSPA-621 Rx และ HSPA-615 Rx พร้อม Router MiFi 30 โชว์เทคโนโลยีใหม่ Rx-Diversity รับสัญญาณด้วยประสิทธิภาพสูงสุด

นายอมรศักดิ์ แดงแสงทอง รองประธานฝ่ายการตลาด บริษัท ดีพลัส เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) ผู้ผลิตและจำหน่ายแอร์การ์ด 3G แบรนด์ iFox กล่าวว่า ภาพรวมตลาดแอร์การ์ด 3G มีการขยายตัวเป็นอย่างมาก เนื่องจากความต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงแบบไร้สายในพื้นที่ต่างๆ ตลอดจนการใช้งานแบบนอกสถานที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะเดียวกันการที่เครือข่าย 3G สามารถใช้งานได้ครอบคลุมในหลายพื้นที่ ทำให้ผู้ใช้งานมีการปรับเปลี่ยนการใช้งานแอร์การ์ดเข้าสู่ระบบ 3G เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

iFox เปิดตัว แอร์การ์ด 3G ใหม่ 2 รุ่นคือรุ่น HSPA-621 Rx กับ HSPA-615 Rx และ เปิดตัว iFox Router MiFi30 โดยแอร์การ์ดรุ่นใหม่ ได้มีการนำเทคโนโลยีล่าสุดที่เรียกว่า Rx-Diversity ซึ่งมีการพัฒนาเสาสัญญาณของอุปกรณ์แอร์การ์ดเพิ่มเป็น 2 เสา ทำหน้าที่ในการรับสัญญาณ และประมวลผลรับสัญญาณที่ดีกว่าในการเชื่อมต่อ เพื่อประสิทธิภาพในการใช้งานอินเตอร์เน็ตในระบบ 3G ให้มีความสมบรูณ์แบบยิ่งขึ้น

HSPA-621 Rx และ HSPA-615 Rx มีความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุดถึง 7.2 Mbps. และอัพโหลดสูงสุด 5.76 Mbps. มี Driverในตัวง่ายต่อการใช้งาน และรองรับระบบปฏิบัติการทั้ง windows 2000/2003, windows XP, Vista windows 7, MAC OS โดย HSPA-621 Rx สามารถรองรับ 3G ในย่านความถี่ 850 และ 2100 เมกะเฮิรตซ์ ส่วน HSPA-615 Rx จะรองรับ 3G ในระบบ 900 และ 2100 เมกะเฮิรตซ์ ส่วน Router รุ่น MiFi 30 มีคุณสมบัติพิเศษเป็น WiFi Hotspot เชื่อมต่อได้ถึง 5 เครื่องพร้อมๆกัน รองรับ 3G ในระบบ 850 และ 2100 เมกะเฮิรตซ์และมีแบตเตอรี่ในตัว สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 5 ชั่วโมง

ทั้งนี้ iFox วางเป้าหมายเป็นผู้นำในตลาดแอร์การ์ด ซึ่งตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนส.ค.ที่ผ่านมามียอดขายแอร์การ์ดประมาณ 72,000 เครื่อง และคาดว่าทั้งปีจะมียอดจำหน่ายรวมกันมากกว่า 100,000 เครื่อง ขณะส่วนแบ่งการตลาดในปัจจุบันของ iFox ถือว่าเป็นอันดับ 1อยู่ที่ประมาณ 45% หากไม่นับโอเปเรเตอร์มือถือ

ส่วนแผนการตลาดจะเน้นการทำกิจกรรมกับผู้บริโภคเพื่อแนะนำการใช้งานที่ง่ายและมีประสิทธิภาพของ แอร์การ์ด 3G และ Router ในพื้นที่ต่างๆ ที่สามารถใช้งานโครงข่าย 3G ได้ อาทิ ชลบุรี เชียงใหม่ ภูเก็ต และนครราชสีมา ขณะเดียวกันจะมีการจัดโปรโมชั่นราคาพิเศษพร้อมด้วยกิจกรรมที่เข้ามาถึง Life Style ของผู้บริโภคในพื้นที่นั้นๆ