วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2553

ไมล์สโตน 2 เตรียมลุยตุลาคมนี้!



โมโตโรล่าเผยโฉม แอนดรอยด์โฟน ภายใต้ชื่อไมล์สโตน (Milestone) เจเนอเรชัน 2 หรือ ไมล์สโตน 2 ที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 2.2 (Froyo) ซีพียูความเร็ว 1 GHz, หน่วยความจำ 8 GB, กล้อง 5 ล้านพิกเซล, มี GPS และรองรับการใช้งาน Flash Player 10.1
Alain Mutricy รองประธานอาวุโส บริษัท โมโตโรล่า กล่าวว่า ไมล์สโตนรุ่นใหม่ได้มีการอัปเดตประสิทธิภาพการใช้งานให้เพิ่มสูงขึ้น จากไมล์สโตนรุ่นแรก โดยได้มีการใช้ซีพียู OMAP ความเร็ว 1GHz, RAM 512MB และใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชัน 2.2 ซึ่งถือเป็นเวอร์ชันใหม่ล่าสุด ในขณะที่ไมล์สโตนรุ่นแรกนั้นใช้แอนดรอยด์ 2.1 และมีซีพียูความเร็ว 600MHz
นอกจากนี้ Milestone 2 ยังสนับสนุนการใช้งานโปรแกรม Flash Player 10.1 ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ในการเข้าชมเว็บไซต์กว่าล้านเว็บไซต์ทั่วโลก อีกทั้งยังช่วยให้สามารถเล่นเกม และดูวิดีโอที่ใช้งานโปรแกรมแฟลชได้ ซึ่งความสามารถนี้มาพร้อมกับแอนดรอยด์เวอร์ชัน 2.2 นี้เอง
ในแง่ของการใช้งาน โมโตโรล่า ยังได้มีการพัฒนาคีย์บอร์ด QWERTY ให้มีขนาดใหญ่ และใช้งานง่ายขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถพิมพ์ข้อความได้อย่างรวดเร็ว, รองรับการใช้งาน 3G Hotspot เพื่อกระจายสัญญาณให้กับอุปกรณ์ต่างๆ พร้อมกัน 5 เครื่อง นอกจากนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยี DNLA ที่ทำให้โทรศัพท์เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ในแบบไร้สาย
"การเปิดตัวในครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นในการปรับปรุงความสามารถใหม่ในไมล์สโตน 2 แต่ยังเป็นการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการสมาร์ทโฟนที่สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ต, ส่งข้อความ, ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน และการใช้งานมัลติมีเดียที่ รวดเร็ว ยิ่งขึ้น" Alain Mutricy กล่าว
สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาจากไมล์สโตนรุ่นก่อน คือความสามารถในการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูง HD 720p รวมถึงอินเตอร์เฟส "MOTOBLUR" ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถจัดการระบบอีเมล์ และโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างๆ ได้ง่ายขึ้นยิ่งขึ้น สามารถลดขนาดวิตเจ็ทได้ และมีระบบรักษาความปลอดภัยองค์กร และการจัดการแบตเตอรี่ที่คล่องตัวมากยิ่งขึ้น
ในส่วนกล้องภาพนิ่งนั้นยังคงมีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และมีไฟแฟลชแอลอีดีแบบคู่ เหมือนในไมล์สโตนรุ่นแรก มีหน้าจอแสดงผล WVGA แบบมัลติทัชขนาดกว้าง 3.7 นิ้ว ช่องต่อหูฟัง 3.5มม. และเมมโมรีความจุ 8 GB ซึ่งสามารถเพิ่มความจุให้กับตัวเครื่องได้มากถึง 40 GB ด้วยไมโครเอสดี ความจุสูงสุด 32 GB
Milestone 2 จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศอังกฤษ ช่วงเดือนตุลาคม ปี 2553 ส่วนความคืบหน้าในประเทศไทยยังไม่มีความเคลื่อนไหวในขณะนี้ สำหรับ Milestone เป็นชื่อรุ่นที่ใช้สำหรับทำตลาดในเครื่องที่ใช้คลื่น GSM/HSPA ในยุโรปและเอเชีย ส่วนในสหรัฐฯ วางจำหน่ายในชื่อ Droid ซึ่งรองรับเครือข่ายแบบ CDMA เท่านั้น

ตื่นตาสมาร์ทโฟนเอเซอร์เฟอร์รารี



เอเซอร์จับม้าลำพองลงสมาร์ทโฟน Liquid E Ferrari สีแดงเพลิงเจาะตลาดพรีเมียมแฟนพันธุ์แท้เฟอร์รารี พร้อมรุ่น STREAM ที่จับกลุ่มที่ชอบความบันเทิง
นายนิธิพัทธ์ ปะวีณวงค์วุฒิ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาดบริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ กล่าวว่า ปีนี้เอเซอร์เปิดตลาดมือถือสมาร์ทโฟน 9 รุ่น 3 ซีรีส์ เจาะ 3 เซกเมนต์ตั้งแต่ผู้เริ่มใช้ ผู้ใช้ระดับกลาง และไฮเอนด์ ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาเอเซอร์ได้นำรุ่นสำหรับผู้เริ่มใช้และลูกค้าระดับกลางออกสู่ตลาดไปแล้ว และครั้งนี้ได้มีการเปิดตัวสมาร์ทโฟน 2 รุ่นซึ่งเป็นกลุ่มไฮเอนด์ คือ รุ่น Liquid E Ferrari ที่เน้นการดีไซน์จากต้นแบบของรถแข่งเฟอร์รารีสีแดงเพลิง ประทับตราม้าลำพองผสานเทคโนโลยี Android 2.1 (Eclair) โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือแฟนพันธุ์แท้ที่ชื่นชอบเฟอร์รารี ซึ่งทั่วโลกมีเพียง 8 พันเครื่อง อยู่ในไทย 500 เครื่อง พร้อมกันนี้ ยังได้เปิดตัว STREAM สมาร์ทโฟนมัลติมีเดียระดับไฮเอนด์อีกหนึ่งรุ่น
“อินโนเวทีฟ และความเป็นไฮเอนด์คือโพสิชันนิ่งของเรา”
นงสาวสุภาพร ลือพร้อมชัย ผู้จัดการอาวุโสลิตภัณฑ์กลุ่มดิจิตล ดิสเพลย์ เอซอร์ กล่าวว่า สมาร์ทโฟน Liquid E Ferrari บอดี้เป็นวัสดุเคลือบเงาสีแดงเพลิง ดีไซน์จากต้นแบบของรถเฟอรรารี ประทับโลโกม้าลำพองและเอเซอร์ พร้อมอัดสปีดความ เร็ว แรง ด้วยระบบปฏิบัติการและโครงสร้างเมนู Android 2.1หน้าจอระบบสัมผัสแบบ capacitive ขนาด 3.5 นิ้ว WVGA รองรับการเชื่อมต่อได้ทั้งระบบ 3G, Wi-Fi, GPS, Bluetooth และกล้อง 5 ล้านพิกเซล พร้อมหูฟังบลูทูธเฟอร์รารีพร้อมเว็บลิงค์เข้าสู่ Ferrari Youtube, Ferrari Facebook วางจำหน่ายในราคา 21,900 บาท
ส่วนสมาร์ทโฟน STREAM เหมาะกับผู้ที่ชอบความบันเทิงทั้งการชมรายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์ระดับ High Definition และการฟังเพลง และการท่องเว็บไซต์มาพร้อมกับหน้าจอ AMOLED WVGA 3.7 แน้ว ระบบสัมผัสแบบ Capacitive หนักเพียง 126 กรัม รองรับระบบปฏิบัติการ Android 2.1 (Eclair) รองรับ 3G และ Wi-Fi ในราคา 18,900 บาท
ส่วนช่องทางการทำตลาดสมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่น จะขายผ่านคู่ค้าของเอเซอร์แต่จะเน้นพรีเมียมชอปเป็นหลักเนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ไฮเอนด์จึงต้องทำตลาดแบบไฮเอนด์ เช่น ชอปเอ็มโพเดียม หรือสยามพารากอน

AIS เปิด'GSM ซิมเดียวอยู่'







จีเอสเอ็ม แอดวานซ์ นำ EDGE Plus เติมเต็มชีวิตสมาร์ทให้คนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบชีวิตออนไลน์ ภายใต้ธีม “จีเอสเอ็ม ซิมเดียวอยู่” พร้อมเปิดตัวซิมฝั่งโขงในระบบเติมเงินช่วยลูกค้าประหยัด 90%
นายสมชัย เลิศสุทธิวงศ์ (ที่ 2 จากซ้าย) รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด เอไอเอสกล่าวว่า เอไอเอสได้เพิ่มความอัจฉริยะให้แก่ซิมจีเอสเอ็ม แอดวานซ์ด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่จะทำให้ลูกค้าจีเอสเอ็ม แอดวานซ์ สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ต โทร.ออกและรับสายได้พร้อมกันในพื้นที่ครอบคลุมทุกภาค บนเทคโนโลยี EDGE Plus
นอกจากนี้ยังสามารถดาวน์โหลดและอัปโหลดข้อมูลต่างๆ ได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะอัปโหลดได้เร็วขึ้นถึง 2 เท่า จาก 118 Kbps เป็น 236 Kbps รวมทั้งเพิ่มแพกเสริมใหม่ คุยฟรีข้ามวันข้ามคืน เป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้ลูกค้าคุยได้ไม่อั้นตั้งแต่ 4 ทุ่ม - 5 โมงเย็น ในเครือข่ายเอไอเอส เพียงเดือนละ 249 บาท
ทำให้วันนี้ซิมจีเอสเอ็ม แอดวานซ์ มีความพร้อมครบเครื่องในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นแพกเกจที่โดนใจ, สิทธิพิเศษที่ทำร่วมกับพาร์ตเนอร์มากมาย รวมทั้งการมีเน็ตเวิร์คที่เข้มแข็ง เซอร์วิสที่ล้ำหน้า เติมเต็มชีวิตสมาร์ทให้แก่คนรุ่นใหม่ได้
เปิดซิมฝั่งโขง
นายสมชัยกล่าวว่า เอไอเอสยังได้ร่วมมือกับเอ็มโฟนประเทศกัมพูชาและลาวเทเลคอม เปิดซิมฝั่งโขงในระบบเติมเงิน โดยกลุ่มเป้าหมายหลักที่ทั้ง 3 โอเปอเรเตอร์มองเห็นจุดเดียวกัน คือ นักธุรกิจ นักท่องเที่ยว ที่เดินทางข้ามฝั่งไปยัง 3 ประเทศ ได้ใช้โทรศัพท์ในราคาที่ถูกกว่าเดิม 81% - 90% จากปกติไทย-ลาว อยู่ที่ 32 บาท ส่วนไทย-กัมพูชา อยู่ที่ 92 บาท ลดลงเหลือ 6 บาททั้งหมด
ในส่วนของลูกค้าซิมฝั่งโขงของเอไอเอส สามารถนำไปใช้งานในทุกพื้นที่ของกัมพูชาและลาว เพียงเลือกเครือข่ายเอ็มโฟนในกัมพูชา และลาว เทเลคอม ในลาว ก็สามารถโทร.ข้ามประเทศหากัน และโทร.ในพื้นที่ประเทศนั้นๆ ได้ อัตราค่าโทร.กลับบ้าน หรือโทร.ในพื้นที่ในลาวและกัมพูชานาทีละ 6 บาท หรือส่ง SMS ครั้งละ 6 บาท ส่วนการรับสายในลาวจากปกติ 30 บาท ลงมาเหลือ 18 บาท รับสายในกัมพูชา 70 บาท เหลือ 30 บาท ขณะที่ถ้าโทร.ในประเทศจะเป็นตามโปรโมชันที่เลือกใช้
ซิมฝั่งโขง ขายในราคาซิมละ 99 บาท ตั้งแต่วันนี้ที่ร้านค้าทั่วไปใน 13 จังหวัดที่ติดชายแดนลาวและกัมพูชา ได้แก่ อุบลราชธานี , เลย , หนองคาย , นครพนม , มุกดาหาร , อำนาจเจริญ , ศรีษะเกษ , สุรินทร์ , บุรีรัมย์ , จันทบุรี , ตราด, สระแก้ว และบึงกาฬ







สิ้นปีได้เห็น! สมาร์ทโฟนดูอัลคอร์

http://www.manager.co.th/Telecom/ViewNews.aspx?NewsID=9530000125689


แอลจี-ซัมซุง 2 แบรนด์ใหญ่จากเกาหลี ไม่ยอมน้อยหน้ากัน ประกาศเปิดตัวหน่วยประมวลผลดูอัลคอร์สำหรับอุปกรณ์พกพา ในวันเดียวกัน โดยแอลจีหวังกระจายชิปสู่โรงงานผลิตให้ทันช่วงไตรมาส 4 ขณะซัมซุงวางแผนทำตลาดในช่วงต้นปีหน้า

ทางแอลจีขยับตัวก่อน แนะนำซีรีส์ หน่วยประมวลผลสำหรับอุปกรณ์พกพารุ่นใหม่ภายใต้สายการผลิตของ "NVIDIA Tegra 2" ซึ่งคาดว่าจะเริ่มนำมาใช้กับสมาร์ทโฟนในรุ่น ออปติมัส (Optimus) ซึ่งเป็นไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ของแอลจี ที่เพิ่งเริ่มทำตลาดไม่นานนี้ซึ่งตัวออปติมัส 7 เป็นรุ่นแรกที่มีข่าวหลุดออกมาว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ โฟน 7 ที่จะเปิดตัวพร้อมกับการเปิดตัวระบบปฏิบัติจากไมโครซอฟท์ในช่วงเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้

แอลจีออกมาให้คำนิยามหน่วยประมวลผล NVIDIA Tegra 2 ว่าเป็นหนึ่งในทุกด้าน เช่น เป็นโมบายล์ซีพียูดูอัลคอร์ มีหน่วยประมวลผลภาพ (NVIDIA GeForce GPU) แบบประหยัดพลังงาน รองรับการประมวลผลภาพแบบ Full HD 1080p ภายใต้ความเร็วประมวลผลดูอัลคอร์ที่ 1GHz ทำให้ผู้ใช้สามารถท่องอินเทอร์เน็ตได้เร็วขึ้นเท่าตัว เล่นเกมเร็วขึ้น 5 เท่า รวมไปถึงรองรับการแสดงผลภาพแบบ 3มิติ ในอนาคตเป็นต้น

กำหนดการวางจำหน่าย ออปติมัส ซีรีส์ ที่มาพร้อมกับ NVIDIA Tegra 2 ของทางแอลจีในต่างประเทศ จะเริ่มในไตรมาส 4 ของปีนี้ ส่วนความคืบหน้าของการจำหน่ายภายในประเทศยังไม่มีรายงานออกมา

หลังจากทางแอลจีประกาศเปิดตัวได้ไม่นาน ทางซัมซุงเองก็ออกมาขยับตัวประกาศเปิดตัว "Orion" โค้ดเนมหน่วยประมวลผลดูอัลคอร์ ที่ใช้สายการผลิตของ ARM Cortex A9 ภายใต้คอนเซปต์ซีพียูประสิทธิภาพสูง ประหยัดพลังงาน สำหรับแท็ปแล็ต เน็ตบุ๊ก และสมาร์ทโฟน

ทางซัมซุงยังคงเลือกที่จะใช้สถาปัตยกรรมขนาด 45 นาโนเมตร จาก ARM Cortex A9 1GHz ที่มาพร้อม D-Cache, I-Cache ขนาด 32KB และ L2-Cache 1MB เพื่อให้สามารถรองรับการใช้งานมัลติเทสกิ้งได้สมบูรณ์แบบมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มหน่วยความจำภายในเพื่อให้สามารถประมวลผลมัลติมีเดียอย่าง Full HD และ เกมส์ 3มิติ ด้วยเช่นกัน

โดยหน่วยประมวลผลดังกล่าวได้มีการพัฒนาให้รองรับการใช้งานทางด้านมัลติมีเดียเพิ่มขึ้น เช่นการเข้า-ถอดรหัส วิดีโอ เพิ่มความสามารถให้สามารถอัดวิดีโอความละเอียด 1080p ที่ 30 เฟรมต่อวินาที ใช้หน่วยประมวลผลภาพ (GPU) มาเพิ่มขีดความสามารถในการประมวลผล ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพดีกว่าซีพียูตัวล่าสุดของซัมซุง 5 เท่า

นอกจากนี้ Orion ยังสามารถให้ผู้ใช้เลือกหน่วยบันทึกข้อมูลประเภทต่างๆได้ ไม่ว่าจะเป็น NAND flash, moviNAND, SSD หรือ HDD SATA และ eMMC เลือกหน่วยความจำได้ว่าจะเป็น DDR2 หรือ DDR3 เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงที่สุด รวมไปถึงใส่ตัวรับสัญญาณ GPS ให้รองรับการใช้งานโลเคชัน เบส เซอร์วิสได้ในอนาคต

สำหรับกำหนดการวางจำหน่ายหน่วยประมวลผล Orion ให้กับทางโรงงานผลิตจะอยู่ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ และทางซัมซุงคาดว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้หน่วยประมวลผลดังกล่าวจะเริ่มทำตลาดในช่วงครึ่งแรกของปี 2011

เจมาร์ทเปิด 'ซีซีแชต' ผ่านมือถือเจโฟน

http://www.manager.co.th/Telecom/ViewNews.aspx?NewsID=9530000125742



เจมาร์ทออก “ซีซีแชต” บริการแชตผ่านมือถือเจโฟน รองกรับการขยายตัวของสังคมออนไลน์ เน้นกลุ่มวัยรุ่น ด้วยโปรโมชัน 39 บาทต่อสัปดาห์ ตั้งเป้าผู้ใช้แสนรายภายในสิ้นปีนี้

นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท กล่าวว่า จากกระแสความนิยมของของเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะสามารถแบ่งปันข่าวสารและติดต่อกันได้ตลอดเวลา โดยผ่านรูปแบบของข้อความ รูปภาพ เสียง รวมไปถึงการแชต แต่การแชตไม่ได้จำกัดแค่โลกออนไลน์หรือบนหน้าจอคอมพิวเตอร์เท่านั้น แชตยังมีบทบาทและได้รับความนิยมบนมือถือมากขึ้น เนื่องจากมีความสะดวกสบาย และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการติดต่อสื่อสารได้ทุกที่ทุกเวลา

แต่การแชตบนมือถือจะมีความยุ่งยากในการใช้งาน เพราะคู่สนทนาจะต้องออนไลน์ จึงจะสามารถสนทนากันได้ แม้ตอนนี้จะมีบริการที่แก้ปัญหานี้ได้ แต่ก็ยังมีข้อจำกัดเรื่องของราคาเครื่องและค่าบริการรายเดือนที่สูง จึงไม่สามารถตอบสนองความต้องการกลุ่มวัยรุ่นได้อย่างแท้จริง

จากกระแสความนิยมดังกล่าวและความยุ่งยากที่เข้าไม่ถึงกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง เจมาร์ทจึงได้เปิดซีซีแชต ซึ่งเป็นบริการแชตผ่านมือถือเจโฟนที่เป็นเครื่องลูกข่ายราคาตั้งแต่ 1,990-2,900 บาท

'เราเห็นช่องว่างทางการตลาดตรงนี้จึงได้พัฒนาบริการและเครื่องลูกข่ายออกมาตอบสนองกลุ่มเป้า'

เจมาร์ทจะใช้งบการตลาดประมาณ 50 ล้านบาท ทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อแบบครบวงจร เพื่อแนะนำบริการซีซีแชตและสื่อให้เข้าถึงกลุ่มวัยรุ่น โดยเน้นสีสันสดใจและภาษาที่โดนใจ

สำหรับซีซีแชตเป็นการทำงานในรูปแบบออนไลน์โดยการสมัครบริการซีซีแชตด้วยเบอร์โทรศัพท์และชื่อของผู้สมัครกับเครื่องเจโฟนที่มีให้บริการ โดยไม่ต้อง Sing in บริการดังกล่าวสามารถใช้บริการกับผู้ให้บริการทั้งเอไอเอส ดีแทค และทรูมูฟ โดยเจมาร์ทตั้งเป้าผู้ใช้บริการ 1 แสนรายภายในสิ้นปีนี้ ด้วยค่าบริการ 39 บาทต่อสัปดาห์

บริการดังกล่าวมีด้วยกัน 4 รูปแบบคือ 1.บริการแชต (ซีซีแชต) ให้สนุกกับการแชตผ่านข้อความ รูปภาพ อีเมล และข้อความเสียง 2.บริการพุชเมล (ซีซีเมล) ซึ่งเป็นการบริการที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรับส่งอีเมลไม่ว่จะเป็นฮอตเมล ยาฮู หรือกูเกิลได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ ยังสามารถตอบกลับโดยไม่ต้องเข้าโปรแกรม หรือ Sing in 3.บริการส่งรูป (ซีซีพิก) บริการรับส่งภาพโดยไม่ต้องดาวน์โหลดไฟล์ภาพ 4.บริการเสียง (ซีซีออดิโอ) บริการรับส่งข้อความเสียง

แอลจีผุด 'Optimus' ชิงแชร์สมาร์ทโฟน

http://www.manager.co.th/Telecom/ViewNews.aspx?NewsID=9530000129447



แอลจีเดินเครื่องตลาดสมาร์ทโฟนส่ง Optimus ซีรีส์บุกตลาด ลั่นปีหน้าขอขึ้นท็อปทรีผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนอินเตอร์แบรนด์ เชื่อปลายปีนี้ส่วนแบ่งตลาดรวมมือถือเกิน 10%

นายณัฐวัชร์ ศิริวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า คาดว่าปีหน้าตลาดสมารท์โฟนจะมีการแข่งขันรุนแรงและสมาร์ทโฟนจะเข้าไปอยู่ในตลาดแมสมากขึ้น

'ภาพรวมของตลาดสมาร์ทโฟนมาแน่อยู่แล้ว แอลจีเองก็พร้อมที่จะลุยตลาดสมาร์ทโฟนภายใต้ซีรีส์ Optimus ซึ่งจะทำตลาดในทุกๆระบบปฏิบัติการ ทั้งแอนดรอยด์ วินโดวส์โฟน เซเว่น แต่ในช่วงแรกจะเน้นไปที่กลุ่มแมสที่มีความต้องการมากกว่า'

ปัจจุบันผู้บริโภคที่ต้องการสมาร์ทโฟน ให้ความสำคัญกับฟังก์ชันที่เหมาะสม โดยไม่มองลึกลงไปถึงเวอร์ชันระบบปฏิบัติการ แต่มองแค่เพียงว่าตอบสนองการใช้งานที่เหมาะกับตนเอง ดีไซน์สวยงามมากกว่า ส่วนเรื่องแบรนด์กลับเริ่มตกลงมา โดยการขยายตลาดของสมาร์ทโฟนต้องขอบคุณแบล็กเบอรี ที่เป็นตัวช่วยผลักดันให้ตลาดใหญ่ขึ้น เพิ่มมูลค่าให้กับตลาด

ณัฐวัชร์มองว่าแต่ละแบรนด์มีจุดเด่นในตัวเอง ทำให้ทุกๆแบรนด์ช่วยกันทำตลาด ราคาของสมาร์ทโฟนจะเข้าไปในตลาดแมสมากขึ้น เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น แต่ไม่สามารถกดราคาได้ต่ำเท่ากับฟีเจอร์โฟน เนื่องจากมีฮาร์ดแวร์ที่มีราคาค่อนข้างสูงกว่า

'ผลสำรวจล่าสุดของจีเอฟเค ระบุว่าสิ้นปีนี้ตลาดรวมโทรศัพท์มือถือในประเทศจะอยู่ที่ราวๆ 10 ล้านเครื่อง ซึ่งจะเป็นสมาร์ทโฟนราว 6-7% เท่านั้น แต่ถ้ามองในแง่ของมูลค่าแล้วน่าจะอยู่ราวๆ 2 หมื่นกว่าล้าน ซึ่งมีสัดส่วนเป็นสมาร์ทโฟนถึง 24%'

สำหรับราคาสมาร์ทโฟนในประเทศไทยน่าจะอยู่ในช่วงตั้งแต่เกือบหมื่นไปจนถึงระดับหมื่นกลางๆ โดยแอลจีวางแผนว่าจะมีการออกสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ทุกๆ 2 เดือนนับจากนี้ เพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดให้เป็นท็อปทรีภายในปีหน้า โดยแอลจีเปิดตัว Optimus One และ Optimus Chic ซึ่งเป็น 2 รุ่นแรกในตระกูล Optimus ของแอลจีที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เวอร์ชัน 2.2 (Froyo) โดยกำหนดทำตลาด Optimus One ในไทยช่วงเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้

'เราเชื่อว่า Optimus One จะเข้ามาเจาะตลาดกลุ่มแมสที่ต้องการสมาร์ทโฟนได้แน่นอน'

สำหรับส่วนแบ่งตลาดโทรศัพท์มือถือในปัจจุบัน แอลจีมีประมาณ 9-10% จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 3-4% เท่านั้น เชื่อว่าสิ้นปีนี้น่าจะมีส่วนแบ่งตลาดเกิน 10% จากการรุกเข้ามาเจาะตลาดในกลุ่มแมสมากขึ้น รวมถึงมีจำนวนรุ่นมากกว่าปีก่อน

เดลล์ผุด"แท็บเล็ตเน็ตบุ๊ก" 2 อย่างในร่างเดียว

http://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9530000129536



เดลล์ใช้เวที Intel Developer Forum โชว์ตัวคอมพิวเตอร์พกพาขนาด 10 นิ้วที่สามารถ"พลิกหน้าจอ"เพื่อแปลงร่างไปมาระหว่างคอมพิวเตอร์เน็ตบุ๊กและแท็บเล็ตหน้าจอสัมผัสได้ตามต้องการ ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลคุณสมบัติที่ครบถ้วนในขณะนี้ มีเพียงชื่อรุ่น Inspiron Duo เพื่อบ่งบอกถึงความเป็นคอมพิวเตอร์ลูกผสม 2 สายพันธุ์

ผู้บริหารเดลล์ที่เปิดตัวต้นแบบคอมพิวเตอร์พลิกหน้าจอได้ Inspiron Duo นี้คือ Dave Zavelson ขึ้นเวทีร่วมให้ข้อมูลพร้อมกับ Doug Davis ผู้บริหารอินเทล โดยก่อนหน้านี้ ข่าวลือว่าเดลล์กำลังซุ่มพัฒนาคอมพิวเตอร์ลูกผสมเน็ตบุ๊กแท็บเล็ตนั้นแพร่สะพัดทั่วโลกออนไลน์มาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งร่ำลือกันว่าอาจจะใช้ชื่อโค้ดเนมว่า Sparta

ข้อมูลเบื้องต้นระบุว่า Inspiron Duo จะมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 7 Home Premium ขุมพลังชิปอินเทลอะตอมดูอัลคอร์ N550 ผู้ใช้สามารถเปิดฝาพับเครื่องแล้วใช้งานคีย์บอร์ดในรูปคอมพิวเตอร์เน็ตบุ๊กปกติ หรืออาจพลิกกลับด้านหน้าจอเพื่อใช้งานในรูปแท็บเล็ตหน้าจอสัมผัสก็ได้ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่ต่างกัน

แท็บเล็ตนั้นได้รับการยกย่องว่าเหมาะสมกับการใช้งานเพื่อการท่องอินเทอร์เน็ต Inspiron Duo ในรูปแท็บเล็ตจึงถูกนำมาสาธิตการเรียกชมภาพถ่ายในเฟสบุ๊ก (Facebook) ว่าสามารถทำงานได้สะดวกสบายเพียงไร นอกจากนี้ยังสามารถเป็นเครื่องเล่นมัลติมีเดีย ผู้ใช้สามารถฟังวิทยุออนไลน์ รวมถึงเล่นเกมออนไลน์ได้ดี แต่ขณะเดียวกัน Inspiron Duo ก็สามารถเป็นเครื่องมือในการทำงานได้ เพราะสามารถใช้งานคีย์บอร์ดในรูปเน็ตบุ๊ก ถือเป็นส่วนผสมลงตัวที่เดลล์เชื่อว่าจะถูกใจผู้บริโภค

ยังไม่มีรายละเอียดคุณสมบัติของเครื่อง ทั้งขนาดความหนาตัวเครื่อง หรือมีกล้องดิจิตอลหรือไม่ รวมถึงกำหนดการวางจำหน่ายในอนาคต
ขอบคุณภาพจากซีเน็ต